3 วิธีในการทำ On-Page SEO ให้ดีขึ้น

การทำ On-Page SEO คืออะไร

การทำ On-Page SEO คือการปรับการเขียน Content และเนื้อหา โดยใช้หลักการทำ SEO เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อทำให้หน้าเว็บไซต์ของคุณติดอันดับตาม Keyword ที่คุณต้องการ โดย On-Page SEO นั้นจะรวมไปถึงการเขียน Title Tag, การจัดรูปแบบของ Content, รวมไปถึงการปรับ Keyword ในเว็บไซต์ให้ดีขึ้น เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพที่ดีในสายตาของ Search Engine และสามารถติดอยู่ในอันดับที่ดีของ Google ได้

แม้ว่าการทำ On-Page SEO นั้นจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำ SEO ในภาพรวม แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้เนื้อหาของเว็บไซต์นั้นตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้งานกำลังค้นหามากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อ Conversion และ ค่าวัดการใช้เว็บไซต์ต่างๆ

คุณจะต้องเริ่มจากการวางแผน Keyword ที่ต้องการ รวมไปถึงลักษณะของ Content ที่เขียนออกไปก่อนที่จะเริ่มทำจริงเพื่อไม่ให้ต้องกลับมาแก้หลายรอบ

ซึ่งการวางแผนเหล่านี้ จะเหมือนกับการทำ Production ซึ่งจะต้องเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อที่จะได้รู้ว่าจะต้องนำเนื้อหาไปวางอยู่ตรงส่วนไหนของเว็บไซต์

การทำ Content ให้ติดอันดับ Google นั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากคุณทำตามขั้นตอนง่ายๆ ทั้งหมด 3 ขั้นตอนที่จะพูดถึงในเนื้อหาด้านล่าง เว็บไซต์ของคุณจะต้องติดอันดับที่ดีขึ้นบน Search Engine พร้อมกับมีคนเข้ามาชมเว็บไซต์มากขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วเรามาดู 3 ขั้นตอนที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดกัน

1. การจัดเนื้อหาให้เหมาะกับผู้อ่านและ Google Bot

การวางแผนการทำ SEO ที่ดีนั้นคือการเตรียมแผนการให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีขึ้นใน Google และมีกลุ่มลูกค้าสนใจอ่านเนื้อหาของเว็บไซต์มากขึ้น

มันเป็นเรื่องยากที่จะตอบโจทย์ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน แต่คุณสามารถทำได้โดยการจัดรูปแบบการแสดงผลของเนื้อหาให้ง่ายต่อผู้อ่าน และมีโครงสร้างที่ Bot นั้นสามารถเข้าใจได้

ในขณะที่คุณกำลังมองหา “SEO Hack” ตามที่ต่างๆ สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการทำให้เนื้อหาอ่านง่าย เข้าใจง่าย และแสดงผลได้ดีในทุกอุปกรณ์ รวมไปถึงการใส่ Bullet ต่างๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายที่สุด

การแบ่งหัวข้อย่อยด้วย H2 tag

หนึ่งในวิธีที่จะช่วยปรับ On-Page SEO ได้คือการแบ่งเนื้อหาเป็น Subheading หรือ H2 tag ซึ่ง H2 เหล่านี้จะทำให้คุณสามารถใส่ Keyword เข้าไปใน Tag เหล่านี้ได้ ซึ่งเป็นส่วนเสริมใน Technical SEO นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อผู้อ่านในการทำความเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์มากขึ้นอีกด้วย

สรุปทริคในการใช้ Subheading ให้มีประโยชน์มากที่สุด

  • ใส่ H2 เข้าไปในทุกๆ 300 คำของบทความ
  • ใส่ H3 เข้าไปบ้างสำหรับเนื้อหาประมาณ 50 คำ หากสามารถใส่ได้
  • การใช้ Keyword เป้าหมายในหัวข้อย่อยที่เป็นคำถาม 

ทาง Moz พบว่าการใช้ Google Search Console (GSC) ในการช่วยปรับ On-Page Content นั้นได้ผลค่อนข้างดี โดยคุณสามารถเปิด GSC เพื่อเข้าไปดูว่าข้อมูลที่คุณได้มาเป็นอย่างไร และสามารถนำ Query ที่ได้มานั้น มาใส่เป็น H2 หรือ H3 ให้กับบทความเดิมได้อีกด้วย

การปรับเนื้อหาให้มี H2 และ H3 จะเข้ามาช่วยแบ่งเนื้อหา และจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายมากขึ้นอีกทั้งยังสามารถใส่ Keyword เป้าหมายที่คุณต้องการได้อีกด้วย

ทำให้แต่ละย่อหน้าสั้นลง

หากคุณต้องการให้บทความของคุณเกิด Action ในหน้าเว็บไซต์ หรือ Conversion คุณควรที่จะแบ่งเนื้อหาออกมาเป็นส่วนเล็กๆ ซึ่งแต่ละส่วนนั้นสามารถทำเนื้อหาที่เหมาะกับสิ่งที่ผู้อ่านแต่ละคนสนใจได้ เพราะการทำเนื้อหาที่ยาวมากจนเกินไป จะอ่านยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการอ่านบทความผ่านมือถือ

ทาง Moz จะใช้วิธีการตั้งลิมิตประโยคไว้ไม่เกิน 2-3 ประโยคเพื่อให้การแสดงผลในมือถือนั้นอ่านง่ายที่สุด

การใช้ Bullet Points

Bullet Points นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเขียน Content เพราะสามารถช่วยสรุปเนื้อหาออกเป็นข้อๆ และเป็นการเน้นสิ่งที่สำคัญ ทำให้ง่ายต่อผู้อ่านเวลาเข้ามาอ่านเนื้อหา

ทำไมถึงควรใช้ Bullet Points

  • แบ่งเนื้อหาออกเป็น Block ทำให้อ่านง่ายขึ้นผ่านมือถือ
  • แต่ละ Bullet เปรียบเสมือนการสรุปสิ่งสำคัญให้ในแต่ละข้อ
  • สามารถใส่ Internal Link ได้ในส่วนของสารบัญ เพื่อเสริมและช่วยเรื่อง Customer Journey
  • พยายามใช้ Bullet Points ให้อยู่ในระหว่าง 3-7 อัน และทำให้กระชับ อ่านเข้าใจง่าย

ทาง Moz มีเทคนิคในการใช้ Bullet Point ในส่วนของย่อหน้าแรกของเนื้อหาเพื่อเป็นการสรุปเนื้อหาทั้งหมดของบทความ และทำให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดของบทความได้ตั้งแต่แรก โดยการใช้ Bullet Points นั้นเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของวิธีการจัดเรียงเนื้อหาเพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาของบทความได้ง่ายขึ้น และยังมีส่วนช่วยเสริมเรื่อง SEO ได้อีกด้วย

2. การพยายามปรับเพื่อ Featured Snippets

ในปัจจุบันมีการเสิร์ชหาข้อมูลออนไลน์นั้นมีมากขึ้น ซึ่งทาง Google ได้ทำการปรับ Algorithm ในการนำเนื้อหาที่ตรงกับสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหามากที่สุด ซึ่ง Featured Snippet นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการปรับ Algorithm ของ Google ในการนำเนื้อหามาแสดงผลในรูปแบบชิ้นส่วนเล็กๆที่อ่านง่ายขึ้น และตรงกับคำที่ค้นหา

การใช้ Featured Snippet นั้นยังช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ Brand และยังช่วยเพิ่ม Organic Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้อีกด้วย

5 เหตุผลที่ควรปรับเว็บไซต์เพื่อให้ติด Featured Snippets

  • การติดอันดับที่ 0 หรือการแสดงผลที่เหนือกว่าการแสดงผลทั่วไป
  • การสร้าง Brand และทำให้ Keyword เป้าหมายติดอันดับที่ดีขึ้น
  • การเพิ่ม Traffic เข้าเว็บไซต์
  • การสร้าง Backlink เพิ่มขึ้น เพราะเกิดการคลิกจากผู้คนที่เข้ามาอ่าน Content
  • การดันเว็บไซต์ของคู่แข่งให้มีอันดับที่ต่ำลง

Google จะแสดงผลด้วยการอ้างอิงจากลักษณะของการค้นหา ซึ่งจะมีการใช้ข้อมูลการค้นหาและประวัติการค้นหา เรามาดูวิธีการปรับเนื้อหาเพื่อให้ติด Featured Snippets ทั้งสามประเภทกัน

การทำย่อหน้าเพื่อ Featured snippet

ย่อหน้าบน Featured Snippet จะแสดงผลได้ทั้งหมด 40-50 คำ เป็นคำอธิบายแบบสั้นๆ และเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับคำค้นหา ซึ่ง Featured Snippet ชนิดนี้จะช่วยทำให้ On-Page SEO และรูปแบบการแสดงผลเนื้อหานั้นดีขึ้น

นอกจากนี้ Featured Snippet จะช่วยสรุปเนื้อหาที่สำคัญเกี่ยวกับบทความของคุณ ซึ่งสามารถนำเนื้อหาใน ย่อหน้าแรกของคุณไปแสดงนั่นเอง

การแสดงผลแบบ List ใน Featured snippet

คุณจะสังเกตได้ว่าบทความที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำสิ่งต่างๆ จะสามารถทำให้ Featured Snippet นำสิ่งเหล่านี้ไปแสดงได้ในรูปแบบของ List โดยจะแสดงผลได้ทั้งแบบตัวเลขและ Bullet points

ทาง moz ชอบที่จะใส่ Bullet หรือตัวเลข ให้กับเนื้อหาที่สำคัญของแต่ละบทความ

ตาราง featured snippet

ในบางครั้ง Google สามารถนำเนื้อหามาแสดงเป็นตารางใน SERP ได้ หากเป็นเนื้อหาเกี่ยวข้องกับราคา หรือการเปรียบเทียบต่างๆ ซึ่งตารางส่วนใหญ่จะมีข้อมูลแสดง 3-4 Column พร้อมกับ 6-7 Rows

ซึ่งคุณสามารถเพิ่มตาราง HTML เข้าไปในเว็บไซต์ได้ เพื่อเป็นการอธิบายให้เป็นขั้นเป็นตอน หรือเป็นการสรุปผลของข้อมูลต่างๆ โดยทาง Moz ค้นพบว่า Google ชอบตารางที่เป็นในรูปแบบ HTML เพราะสามารถนำไปแสดงผลได้ง่ายกว่า

3. การใส่ FAQ เข้าไปในเว็บไซต์ หรือ FAQ Schema

การทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์อยู่ในรูปของข้อมูลชุดเล็กๆ หลายๆชุดรวมกันนั้นจะช่วยทำให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์มากขึ้น โดยคุณสามารถปรับเนื้อหาให้มีการแสดงผลพร้อมกับการทำ Mark-up ให้เหมาะกับ Search Engine ได้ ซึ่งจะช่วยทำให้ Google แสดงผลข้อมูลในเว็บไซต์ได้ดีขึ้นอีกด้วย

เมื่อคุณทำการเพิ่ม FAQ เข้าไปในเว็บไซต์ด้านล่าง เว็บไซต์ของคุณจะแสดงข้อมูลได้มากขึ้นบน Google ผ่านเนื้อหาของ FAQ 

ข้อดีของการใช้ FAQ

  • การเพิ่ม impressions: FAQ นั้นจะสามารถเพิ่ม Organic impression ได้ และยังส่งผลให้ CTR นั้นดีขึ้นอีกด้วย
  • การเพิ่มคลิกเข้าเว็บไซต์: เมื่อเว็บไซต์ของคุณมี Impression มากขึ้น คุณจะเห็นจำนวนคลิกที่เพิ่มมากขึ้นเองโดยอัตโนมติ
  • เพิ่มเรื่อง Interlinking: คุณสามารถเพิ่มลิงก์เข้าไปในคำตอบของส่วน FAQ ของคุณ โดยที่คุณสามารถเพิ่มลิงก์ไปยังบทความอื่นๆในเว็บไซต์ของคุณได้ เพื่อช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับเว็บไซต์
  • การเพิ่มตัวตนในโลกออนไลน์: FAQ Schema นั้นจะช่วยให้เนื้อหาถูกแสดงผลมากยิ่งขึ้น เพราะมันมีส่วนช่วยให้เนื้อหาของเว็บไซต์คู่แข่งนั้นมีอันดับที่ต่ำลงจากการแสดงผลปกติ

คุณสามารถเพิ่ม FAQ เข้าไปประมาณ 3-4 คำถาม ในแต่ละ Blog post หรือหน้าเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้กลุ่มลูกค้าหรือ Google เข้าใจเนื้อหา, Keyword, และเป้าหมายของเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยทำให้ On-Page SEO นั้นดีขึ้นอีกด้วย

สวัสดี เราชื่อ พีค มีความสนใจเรื่อง SEO มาตั้งแต่ตอนอายุ 20 สมัยเข้ามหาลัยใหม่ๆ เนื่องจากเราเรียนบริหารธุรกิจ จึงได้เรียนเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ และมองว่า SEO คือหนึ่งในศาสตร์และศิลป์ที่มีความอ่อนไหว น่าสนใจ และดูมีอะไรในตัวของมันเองดี คนที่ทำต้องรอคอยเป็น เหมือนฝึกให้เรารู้จักที่จะรอคอยได้ ก็เลยศึกษา ทดลอง มาโดยตลอด มันสนุกมากนะ ได้เห็นกราฟวิ่งขึ้นวิ่งลง เติบโตไปเรื่อยๆ เปรียบเสมือนกับชีวิตที่มีสีสัน มีจังหวะที่คอยสลับไปมานั่นเอง