9 ปัจจัยเกี่ยวกับโดเมนที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกใช้งาน

ชื่อโดเมนของคุณอาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อประสิทธิภาพ SEO ของคุณ มาเรียนรู้ปัจจัยหลักต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโดเมนที่คุณควรตรวจสอบและดำเนินการมันอย่างถูกต้องจากบทความนี้กัน

เมื่อคุณเลือกโดเมนสำหรับ SEO โดเมนนี้ก็จะเป็นชื่อเล่นของคุณบนเว็บไซต์ทันที คล้ายกับการเลือกชื่อสำหรับบริษัท ซึ่งการเลือกชื่อแต่ละครั้งควรพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน

ไม่เพียงแค่คุณจะต้องมั่นใจว่าชื่อโดเมนนั้นเหมาะกับธุรกิจของคุณ แต่คุณต้องเลือกชื่อที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของ SEO ของคุณอีกด้วย นอกจากนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อโดเมนสามารถถูกค้นหาและโปรโมตผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ง่าย โดยคุณไม่จำเป็นต้องไปที่ Directory เพราะว่ามันมีการจำกัดอักษรในชื่อโดเมน

อีกทั้งยังมีข้อควรพิจารณาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น

  • คุณต้องการให้โดเมนนี้กำหนดเป้าหมาย Keyword แบบกว้าง, แบบเฉพาะเจาะจง หรือแบบพรีเมียมล่ะ
  • คุณจะใช้โดเมนนี้สำหรับโปรเจค Local SEO หรือไม่ อย่างไร
  • คุณจะใช้โดเมนนี้สำหรับโปรเจคทางธุรกิจไหม
  • คุณอาจต้องการใช้โดเมนสำหรับบล็อกของคุณเท่านั้น

บางทีคุณกำลังใช้โดเมนเพื่อประเมินว่าคุณต้องสร้างไมโครไซต์หรือเว็บไซต์ย่อยขนาดเล็กหรือไม่ และคุณต้องการตั้งค่าโดเมนในลักษณะที่สะท้อนถึงไมโครไซต์ที่คุณต้องการสร้าง

ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน การสร้างโดเมนของคุณควรมีลักษณะที่ผู้คนสามารถเชื่อมโยงได้โดยตรงกับธุรกิจของคุณได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ต้องใช้ความคิดและการพิจารณาเข้ามาตัดสินใจ

1. วิธีเลือกโดเมนสำหรับ SEO

1.1 ทำให้ง่ายต่อการพิมพ์

ชื่อโดเมนของคุณควรพิมพ์และอ่านได้ง่าย โดยอย่าใช้โดเมนที่ยาวจนเกินไป เช่น websitetechnicalshopinaspen.com เพราะมันจะสร้างความสับสนให้แก่ผู้ใช้ของคุณ ซึ่งจะนำไปสู่จุดต่อไปของเรา

1.2 ทำให้ชื่อโดเมนของคุณสั้น

ชื่อโดเมนของคุณควรสั้นและง่ายต่อการใช้กับสื่อทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์, เสื้อยืด, แก้วน้ำ, เครื่องเขียน, หรืออีเมล เป็นต้น ไม่ควรใช้ชื่อโดเมนที่ยาวจนเกินไปเหมือนตัวอย่างด้านบน และอย่าใช้คำสแลง

การใช้คำสแลงจะทำให้ผู้คนเข้าใจโดเมนของคุณและค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้นอย่าทำให้มันซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้ใช้งานของคุณ

1.3 หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลขและเครื่องหมายขีด

ตัวเลขและเครื่องหมายขีดนั้นมักจะถูกเชื่อมโยงกับโดเมนที่เป็นสแปม โดยในการวิเคราะห์โดเมนของ Moz Pro พวกเขาลงความเห็นว่า ตัวเลขเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดโดเมนที่เป็นสแปม ซึ่งโดเมนสแปมไม่ต้องการเชื่อมโยงกับโดเมนเว็บไซต์หลักของบริษัท ดังนั้นพวกเขาจึงทำทุกอย่างเพื่อสร้างความแตกต่าง รวมถึงการใส่ตัวเลขและเครื่องหมายขีด นอกจากนี้ เครื่องหมายขีดยังเป็นเทคนิค SEO ที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยก่อนเพื่อแยก Keyword ในตัวโดเมน

แม้ว่าจะเคยใช้ได้เมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว แต่ในปัจจุบันไม่ควรที่จะใช้เครื่องหมายขีดในโดเมนอีกต่อไป เว้นแต่ว่าคุณอยากสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำที่อาจเชื่อมโยงกับสแปม

1.4 สร้างชื่อโดเมนของคุณให้น่าจดจำ

คุณต้องสร้างชื่อโดเมนให้เป็นที่น่าจดจำ เช่น ลักษณะเสียง, รูปลักษณ์, และความรู้สึกเมื่อคุณพิมพ์ ล้วนเป็นจุดเด่นของโดเมนที่น่าสนใจทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องคิดให้ลึกซึ้งมาก ควรสร้างชื่อโดเมนที่ฟังดูดี  รู้สึกดีในการพิมพ์ และเป็นที่น่าจดจำสำหรับผู้ที่อ่าน นั่นคือสิ่งที่การตลาดออนไลน์และ SEO เข้ามาอย่างแท้จริง

1.5 ทำ Due Diligence ของคุณด้วย Majestic, Ahrefs หรือ SEMrush

เมื่อคุณทำการซื้อโดเมน คุณจะไม่รู้เลยว่าโดเมนของคุณอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสร้างลิงก์ที่คลุมเครือ, กลยุทธ์ SEO ที่เป็นสแปมอื่นๆ หรืออาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบล็อกส่วนตัว คุณไม่สามารถที่จะรู้ได้เลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจำเป็นต้องทำ Due Diligence กับโปรแกรมอย่าง Majestic, Ahrefs, และ SEMrush

หากคุณใช้ SEMrush เพื่อตรวจสอบโดเมนที่คุณจะซื้อ และพบว่าไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นกับมัน เช่น ไม่มี Traffic, ไม่มีลิ้งก์, หรือไม่มี PPC คุณสามารถตัดสินใจซื้อโดเมนนั้นได้ในทันที และหากคุณตรวจสอบโดเมนของคุณด้วย Majestic และ Ahrefs และไม่มีลิ้งก์ใดๆในโปรแกรมเหล่านั้น คุณก็พร้อมที่จะซื้อโดเมนนั้นแล้ว

นอกจากนี้คุณสามารถลองตรวจสอบใน archive.org เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่มีปัญหาใดกับโดเมนนี้ ข้อมูลที่ได้จะแสดงประวัติโดเมนย้อนหลังไปสิบปีหรือนานกว่านั้นหากต้องการ นี่จะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณมีโดเมนที่พร้อมใช้งานได้โดยไม่มีปัญหา อีกทั้งอย่าลืมทำการค้นหา site: สำหรับโดเมนของคุณใน Google เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่มีปัญหาใดๆ

ในอดีต Google เคยแนะนำเกี่ยวกับการทำ Due Diligence ในลักษณะนี้ และนั่นยังคงมีผลถึงปัจจุบัน

“เริ่มต้นด้วยการค้นหาเว็บไซต์ใน Google สำหรับชื่อโดเมนที่คุณกำลังซื้อ” Google กล่าว

“หากไม่มีผลลัพธ์ใดๆสำหรับโดเมนนั้น แม้ว่าจะมีเนื้อหาอยู่ในโดเมน นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก” เขากล่าว “ถ้าโดเมนนั้นถูกพักไว้ เราก็พยายามจะเอาโดเมนออกจากหน้าผลลัพธ์อยู่ดี เพื่อไม่ให้มีการบ่งบอกถึงสิ่งใด แต่หากคุณพยายามทำการค้นหาเว็บไซต์และไม่เห็นผลลัพธ์เลย นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดี”

คุณยังสามารถทำการค้นหาเว็บไซต์ด้วยชื่อโดเมนใน Bing ได้เช่นกัน เพื่อให้คุณได้แนวคิดที่ดีขึ้น เห็นได้ชัดว่าหากเว็บไซต์ปรากฏใน Bing แต่ไม่ใช่ Google นั่นเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ แต่คุณยังสามารถทำการค้นหาเว็บไซต์ใน Bing ใช้ Keyword ที่เป็นสแปมทั่วไป และดูว่ามีอะไรปรากฏขึ้นมาบ้าง

“แค่ค้นหาชื่อโดเมนหรือชื่อโดเมนที่ลบ the.com หรือนามสกุลอะไรก็ตามที่อยู่ต่อท้าย เนื่องจากคุณมักจะได้พบเกี่ยวกับชื่อเสียงของโดเมนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” คุณ Cutts กล่าว

“มีคนส่งสแปมโดยไม่มีชื่อโดเมนหรือไม่? หรือพวกเขากำลังพูดถึงมันในทางที่ไม่ดี เช่น “ผู้ชายคนนี้ส่งอีเมลที่ไม่พึงประสงค์มาให้ฉันและแสดงความคิดเห็นที่เป็นสแปมในบล็อกของฉัน”? นั่นเป็นวิธีที่ดีมากในการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นสำหรับเว็บไซต์ หรือสิ่งที่เคยเป็นอยู่ในอดีต” เขากล่าว

การทำ Due Diligence ของคุณในลักษณะนี้จะเป็นสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้คุณโดนบทลงโทษที่ยกมาจากเจ้าของคนก่อนหลังจากคุณซื้อโดเมนนั้นแล้ว นั่นคงเป็นสถานการณ์ที่คุณคงไม่อยากเจอแน่นอน การตรวจสอบและวิเคราะห์โดเมนที่คุณต้องการซื้อควรทำก่อนการออกแบบเว็บไซต์ที่สำคัญ หรือการเปิดตัวแคมเปญ SEO ของคุณ

2. คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีโดเมนที่ไม่ดี

เมื่อคุณซื้อโดเมนและดำเนินการตรวจสอบสถานะแล้ว คุณอาจไม่ทราบได้ว่าโดเมนของคุณนั้นเป็นโดเมนที่ไม่ดี แล้วปัจจัยใดบ้างที่จะทำให้คุณทราบได้ว่าโดเมนนี้มีปัญหา

โดเมนที่ไม่ดีนั้นจะมีลิงก์มากมายที่ชี้ไปที่มัน และหากคุณมีโดเมนที่มีประวัติ ให้ตรวจสอบลิงก์เหล่านั้น โดยลิงก์พวกนั้นจะมีทั้งที่เป็นสแปม หรืออาจเป็นลิงก์ที่ดีก็ได้ เราไม่มีทางบอกได้เลยว่าลิงก์ไหนดีหรือไม่ดีจนกว่าคุณจะทำการตรวจสอบโปรไฟล์ลิงก์ซึ่งจะอธิบายในหัวข้อนี้

โดเมนที่ไม่ดีจะไม่มีผลลัพธ์ในดัชนีของ Google เลยเมื่อคุณตรวจสอบวิเคราะห์ Due Diligence สำหรับการค้นหาเว็บไซต์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโดเมนมีประวัติเบื้องหลังและมีลิงก์อยู่ หาก SEMrush แสดงประวัติการเข้าชมจากการค้นหาแบบ Organic ก่อนหน้านี้ แต่ว่าตอนนี้ไม่สามารถพบแล้ว แสดงว่าโดเมนอาจมีปัญหา นอกจากนี้หากคุณไม่พบผลลัพธ์ในดัชนีของ Google แสดงให้เห็นว่า อาจมีปัญหากับตัวโดเมนเอง ซึ่งนั่นทำให้คุณไม่จำเป็นต้องซื้อโดเมนนี้แล้ว

มิฉะนั้น หากเป็นโดเมนที่ว่างเปล่าไปเลย อาจคาดได้ว่าจะไม่อยู่ในดัชนีของ Google คุณจะต้องใช้โอกาสนี้เลือกมันในทันที คุณจึงสามารถเริ่มทำแคมเปญ SEO ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องตรวจสอบ Due Diligence ของคุณในลักษณะนี้กับโดเมนที่คุณจะซื้อ และด้วยวิธีนี้ คุณจะมั่นใจได้เลยว่า คุณมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่โดเมนจะทำ เมื่อคุณนำเทคนิค SEO ของคุณไปใช้กับโดเมนนั้นในที่สุด

เช็กโดเมนใน Majestic

หากคุณมีอัตราส่วนที่น่าสงสัยของ Trust Flow และ Citation Flow อาจหมายความว่าคุณมีสถานการณ์ที่มีลิงก์จำนวนมากที่มาจากโดเมนเพียงสองสามโดเมน ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบลักษณะสแปมของโปรไฟล์ลิงก์เพื่อดูว่า คุณมีลิงก์ที่มีคุณภาพหรือลิงก์ที่เป็นสแปม

เช็กยังโดเมนใน Ahrefs

ตรวจสอบคุณภาพของลิงก์จากโปรไฟล์ลิงก์ของคุณ การถ่ายโอนข้อมูลทั้งหมดจาก Majestic และ Ahrefs นั้นมีประโยชน์อย่างมาก เพื่อให้คุณได้ภาพที่สมบูรณ์ของ Backlinks ทั้งหมดที่มายังโดเมนของคุณ จากนั้น คุณจะสามารถประเมินลิงก์เหล่านั้นทั้งหมดได้ทีละรายการ

3. อายุของโดเมน

ในการตอบคำถามบน Twitter ว่าอายุของโดเมนมีบทบาทหรือไม่ คุณ John Mueller ได้บอกไว้ว่า อายุของโดเมนไม่มีผลต่อการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา ถึงแม้ว่าเขาจะระบุว่า ไม่เป็นเช่นนั้น แต่สิ่งนี้แสดงว่า Google ใช้งานในทางใดทางหนึ่ง อย่างน้อยก็อาจจะด้วยเหตุผลเพียงเล็กน้อย

นี่เป็นวิธีที่ดีและราคาถูกในการตรวจสอบหากคุณสงสัยเกี่ยวกับอายุของโดเมน นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ WHOIS เพื่อตรวจสอบในเพิ่มเติมในการตรวจสอบโดเมนจำนวนมากได้

วิธีการตรวจสอบ

  1. ไปที่ godaddy.com/whois
  2. พิมพ์ชื่อโดเมนที่ต้องการตรวจสอบ
  3. ดูอายุของโดเมนนั้น

สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อการสร้าง Spreadsheet ของโดเมนที่คุณกำลังวิเคราะห์สำหรับแคมเปญการตลาดเฉพาะของคุณ สำหรับผู้ต้องการที่จะตรวจสอบผ่าน WHOIS จำนวนมากนั้น Bulk Whois Lookup เป็นเครื่องมือที่ดีในการดึงข้อมูลโดเมน WHOIS และข้อมูลการวิเคราะห์เว็บมาใช้

4. Keyword เป็นคำแรกในโดเมน

Moz’s 2019 Ultimate Guide สำหรับ SEO ได้พูดถึงสิ่งที่ควรมองหาในแง่ของการใช้ Keyword ในโดเมน และวิธีการใช้ Keyword ในโดเมน สิ่งนี้อาจคุ้มค่าที่จะตรวจสอบเมื่อทำการสร้างเว็บไซต์ใหม่ ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่ปัจจัยในการจัดอันดับที่มีอิทธิพลสูงอีกต่อไป

5. ระยะเวลาการจดทะเบียนของโดเมน

สิทธิบัตรของ Google ระบุไว้เกี่ยวกับระยะเวลาในการจดทะเบียนโดเมน ดังต่อไปนี้

“โดเมนที่มีคุณค่าและถูกกฎหมายมักจะได้รับการชำระเงินล่วงหน้าหลายปี ในขณะที่โดเมนที่ผิดกฎหมายนั้นมักไม่ค่อยถูกใช้งานมานานกว่าหนึ่งปี ดังนั้นข้อมูลในช่วงที่โดเมนหมดอายุในอนาคตนั้นสามารถใช้เป็นปัจจัยในการคาดการณ์ความน่าเชื่อถือของโดเมนได้”

6. Keyword ในชื่อ Subdomain

Ultimate Guide to SEO ของ Moz บอกว่า คุณควรใช้ Keyword ใน Subdomain ของคุณ โดยพวกเขาเขียนเอาไว้ว่า

“ใช้คำกว้างๆ เมื่อเป็นเรื่องสมเหตุสมผล

หากคุณสามารถใส่ Keyword ที่ช่วยสร้างความชัดเจนว่าธุรกิจของคุณทำอะไร ในขณะที่ชื่อโดเมนของคุณยังน่าดึงดูด ไม่ซ้ำใคร และเป็นมิตรกับแบรนด์ ให้ดำเนินการเลยทันที แต่อย่าใช้ชื่อโดเมนที่อาจจัดว่าเป็น “Keyword-rich” หรือ “Keyword-targeted” เช่น best-pancake-pans-for-pancakes.com หรือ Senior-eldercare-retirement-home-finder.com แม้ว่าชื่อโดเมนประเภทนี้เคยมีน้ำหนักในการเป็นปัจจัยในการจัดอันดับ แต่มีแนวโน้มที่จะเชื่อมโยงกับเนื้อหาคุณภาพต่ำ ซึ่งหมายความว่า ผู้ค้นหาและเครื่องมือค้นหาอาจมีอคติเชิงลบกับชื่อโดเมนที่มี Keyword หนาแน่นเหล่านี้

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Google ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่ทำให้เว็บไซต์โดเมนที่มี Keyword จำนวนมากด้อยความสำคัญไป การมี Keyword ในโดเมนของคุณยังคงมีประโยชน์ แต่ก็สามารถนำไปสู่การตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและผลกระทบเชิงลบต่ออันดับที่อาจเกิดขึ้นบนเครื่องมือค้นหา ดังนั้นคุณควรระมัดระวัง

7. ประวัติของโดเมน

เป็นไปได้ว่าหากคุณซื้อโดเมนที่มีประวัติผันผวนอาจส่งผลเสียต่อ SEO ของคุณ โดยเมื่อคุณซื้อโดเมนใหม่ควรตรวจสอบปัจจัยต่างๆ เช่น โปรไฟล์ลิ้งก์ เจ้าของเดิม และกิจกรรมก่อนหน้า

คุณจะต้องใช้เครื่องมือหลายอย่างในการตรวจสอบสำหรับส่วนนี้

  • Whibse.com
  • HosterStats.com
  • และเครื่องมือตรวจสอบลิ้งก์ต่างๆ เช่น Ahrefs, Majestic และ SEMrush

วิธีตรวจสอบ

  1. เมื่อใช้ Whibse.com คุณจะสามารถตรวจสอบสถานะปัจจุบันของโดเมน WHOIS ได้
  2. เมื่อใช้ HosterStats.com คุณสามารถตรวจสอบประวัติความเป็นเจ้าของโดเมน ซึ่งรวมไปถึงสิ่งต่างๆ เช่น ประวัติการโฮสต์โดเมน, ประวัติ DNS, และอื่นๆ อีกมากมาย โดยข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาประวัติของโดเมนก่อนตัดสินใจซื้อ
  3. เมื่อใช้ Ahrefs, Majestic และ SEMrush คุณสามารถตรวจสอบโปรไฟล์ลิงก์ของโดเมนและตรวจสอบประวัติการเชื่อมโยงของโดเมนว่าเป็นสแปมหรือไม่ 

นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือของโดเมนนั้นได้รวมรูปภาพเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่มันอาจไม่ใช่อย่างที่คุณคิด มีสิ่งสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของโดเมนก่อน ก่อนที่คุณจะซื้อโดเมนใดๆ

8. โดเมนที่ตรงกันทุกประการ

ในอดีต การมีโดเมนที่ตรงกับ Keyword ที่คุณต้องการนั้นถูกใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ โดยการอัปเดต EMD ได้เปิดตัวในเดือนกันยายน ปี 2555 จุดประสงค์ของการอัปเดตนี้คือเพื่อหยุดเว็บไซต์คุณภาพต่ำไม่ให้ได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้น เพียงเพราะมีชื่อโดเมนที่ตรงกับ Keyword เป้าหมาย ในขณะที่เว็บไซต์ที่มีโดเมนที่ตรงกัน แต่มีคุณภาพสูงมักจะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้

9. Public vs. Private WHOIS

คุณ John Mueller จาก Google ระบุว่า การลงทะเบียนแบบส่วนตัวนั้นจะไม่ส่งผลเสียต่ออันดับของคุณ

สวัสดี เราชื่อ พีค มีความสนใจเรื่อง SEO มาตั้งแต่ตอนอายุ 20 สมัยเข้ามหาลัยใหม่ๆ เนื่องจากเราเรียนบริหารธุรกิจ จึงได้เรียนเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ และมองว่า SEO คือหนึ่งในศาสตร์และศิลป์ที่มีความอ่อนไหว น่าสนใจ และดูมีอะไรในตัวของมันเองดี คนที่ทำต้องรอคอยเป็น เหมือนฝึกให้เรารู้จักที่จะรอคอยได้ ก็เลยศึกษา ทดลอง มาโดยตลอด มันสนุกมากนะ ได้เห็นกราฟวิ่งขึ้นวิ่งลง เติบโตไปเรื่อยๆ เปรียบเสมือนกับชีวิตที่มีสีสัน มีจังหวะที่คอยสลับไปมานั่นเอง