การลงทุนแบบ Long Form Content มักจะถูกมองข้ามด้วยการลงทุนที่มีเนื้อหาขนาดใหญ่และน่าดึงดูดกว่า โดยส่วนมากเรามักจะเห็นการลงทุนแบบ Long Form Content จาก Blog Posts, Case Studies, Conference Decks, และ Twitter และแน่นอนว่าคุณเองก็สามารถลงทุนทั้งสองแบบได้ในเวลาเดียวกันด้วยประสบการณ์และทรัพยากรที่คุณมี แต่มันยากสําหรับพวกเราหลายๆคน ที่จะทําแบบนั้น
ในความจริงก็คือคุณไม่ควรที่จะมองข้ามการลงทุนแบบ Long Form Content เพราะ มันสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่แบรนด์ของคุณได้มากมาย เช่น
- ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์
- สร้างอิทธิพลและความน่าเชื่อถือ
- เพิ่มมูลค่าให้เว็บไซต์
- สร้างลิงก์และการรับรู้ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก (Brand Awareness)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อสุดท้าย “การสร้างลิงก์และการรับรู้ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก” เป็นประเด็นใหม่ที่เราได้รับจากการทำแบบสอบถามกับนักการตลาดดิจิทัลล่าสุด เกี่ยวกับรูปแบบการดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับแคมเปญการสร้างลิงก์ เมื่อพูดถึงการดำเนินการตามแนวคิดของคุณ คุณพบว่าข้อใดต่อไปนี้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสร้างลิงก์

จากผลลัพธ์พบว่าเป็นที่น่าแปลกใจ เพราะจากที่ได้กล่าวไว้ว่าโดยปกติแล้วการลงทุนในเนื้อหาที่ใหญ่และมีความดึงดูดมากกว่านั้นจะเป็นที่น่าสนใจมากกว่า แต่จากผลสํารวจทําให้รู้ว่านักการตลาดดิจิทัลส่วนมากชอบในการลงทุนแบบ Long-Form Content มากกว่าแบบอื่นๆ ซึ่งเราจะมาเจาะลึกถึงวิธีการสร้างลิงก์ให้ละเอียดยิ่งขึ้น ทําไมจึงใช้ได้ผลดี และ มีวิธีในการทําอย่างไรบ้าง
ทําไม Long-Form Content ถึงใช้ได้ผลดี
มีหลายเหตุผลที่ทำไม Long-Form Content สามารถใช้ได้ดีในธุรกิจ แต่ว่าแบรนด์ต่างๆมักไม่ค่อยนิยมใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เท่าไรนัก เพราะเรามักจะสนใจแค่การเขียน Content จนทําให้ลืมงานที่เราต้องทำ และมองข้ามผลประโยชน์เหล่านั้นไป มาดูเหตุผลบางส่วนว่าทำไม Long-Form Content จึงทำงานได้ดี พร้อมกับวิธีที่เราจะสามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดจาก Content ดังกล่าว
มี Copy-Rich ง่ายต่อ Google ในการรวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจ
Long-Form Content ในรูปแบบการเขียนเป็นอะไรที่เข้าใจง่าย สําหรับ Google และ Search Engines อื่นๆ นี่อาจเป็นความแตกต่างอย่างมากกับเนื้อหาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น Data Visualizations หรือ Interactive Infographics แม้ว่าทั้งสองสิ่งนี้จะมีความสวยงาม แต่จะทําให้เกิดปัญหาในการทําความเข้าใจของ Google เพราะส่วนประกอบของ Content ประเภทนี้จะเน้นรูปภาพ, ไฟล์ข้อมูล, และ JavaScript ซึ่ง Google สามารถรวบรวมข้อมูลและจัดการเนื้อหาได้ แต่การที่ Google จะเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์เป็นสิ่งที่ยาก
สิ่งนี้ทําให้ส่งผลกระทบต่อสองด้าน
- ถ้าหาก Google เข้าใจในสื่อที่คุณใช้ ก็จะมีผลลัพธ์ในการค้นหาที่ดี แต่หากไม่เข้าใจนั้น จะส่งผลต่ออันดับการค้นหาอย่างแน่นอน
- มูลค่าของเว็บไซต์คุณจะลดลง เนื่องจากคุณกำลังเพิ่มภาระให้ Google และ ตัว Google อาจไม่เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีพอ
หากเปรียบเทียบสิ่งนี้กับ Long Form Content ที่เน้นแค่การคัดลอก ซึ่ง Google สามารถเข้าใจได้ง่ายกว่ามาก จะเห็นได้ว่าสิ่งนี้สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้นสําหรับการค้นหาแบบทั่วไป
คุณสามารถเลือกขอบเขตของ Keywords สร้าง Organic Traffic ได้
นอกจากความสามารถในการรวบรวมข้อมูลแล้ว Long-Form Content ยังช่วยคุณกำหนดขอบเขตของ Keywords และหัวข้อได้ ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับการจัดอันดับเนื้อหาและสร้างการเข้าชมเป็นเวลานานขึ้น ถึงแม้ว่าการทำ SEO จะไม่ได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อน คุณไม่สามารถแค่ใส่ Keyword ลงไปใน Content และคาดหวังว่าจะติดอันดับสูงๆได้ แต่ว่าการใช้ Keywords ก็ยังเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและได้ผลดีอีกหนึ่งวิธี โดยจำเป็นต้องใส่เข้าไปใน Content หรือในส่วนต่างๆที่เป็นเส้นทางการซื้อขายของผู้ซื้อ ต่างกับ Short-Form Content ตรงที่ Long-Form Content สามารถกำหนดเป้าหมาย และ Keywords ทั้งหัวข้อได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดอันดับและผู้ชมของคุณ อีกทั้งคุณยังสามารถรวมหัวเรื่องและส่วนต่างๆเข้าด้วยกันได้
ด้วยการอัปเดตของ Google ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานข้ามไปยังส่วนต่างๆ ของหน้าเว็บไซต์ได้โดยตรง พร้อมกับทำความเข้าใจข้อความเฉพาะของแต่ละหน้า และยังครอบคลุมหัวข้อต่างๆเพื่อสร้าง Traffic ในการเข้าชมตัว Long-Form Content อีกด้วย
ตัวอย่างการค้นหา

ส่วนที่เจาะจงของบทความ

Long-Form Content นั้นเหมาะสำหรับการลงลึกในหัวข้อประเภทนี้ และยังพบว่ามีการเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตามรูปข้างต้น ซึ่งนั่นหมายความว่าศักยภาพของ Organic Traffic ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
Long-Form Content สามารถดึงดูดลิงก์และกลายเป็นสื่ออ้างอิงได้
ข้อดีอีกอย่างของ Long-Form Content ที่มักถูกมองข้าม คือสามารถดึงดูดลิงก์จากเว็บไซต์อื่นได้มากขึ้น เนื่องจากนักเขียน, บล็อกเกอร์, และนักข่าวมักจะค้นหาแหล่งข้อมูลเพื่ออ้างอิงในเนื้อหาของพวกเขา และถ้าเนื้อหาของคุณอยู่ในอันดับที่ดี อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาหยิบนํามาใช้
โดยเฉพาะถ้าเนื้อหาของคุณมีข้อมูลหรือสถิติที่ผู้เขียนคนอื่นสามารถอ้างอิงได้ ตัวอย่างเช่น เนื้อหาในเว็บไซต์ HubSpot จากสถิติพบว่ามีลิงก์มากถึง 10,000 ลิงก์ ที่ถูกลิงก์มายังเว็บไซต์นี้ ซึ่งถูกจัดว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดีมากสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการอ้างอิงข้อมูลหรือสถิติ และมีส่วนอย่างมากในการเติบโตของลิงก์
นอกจากที่แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นแล้ว ลิงก์ยังสามารถช่วยในการจัดอันดับทั่วไปของคุณได้ เนื่องจากลิงก์ยังคงเป็นส่วนที่สำคัญของ SEO
Long-Form Content สามารถทำการอัปเดตได้ตลอดเวลา
หากคุณมีการวางแผนมาอย่างมีประสิทธิภาพ และมีหัวข้อ Content หลักที่สามารถอัปเดตได้ตลอดเวลา Long-Form Content จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการอัปเดตข้อมูลต่างๆ และสามารถเผยแพร่ซ้ำไปซํ้ามาได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำการศึกษาเกี่ยวกับหัวข้อสำคัญในอุตสาหกรรมของคุณในปี 2021 ในปีถัดไปก็จะมีการเพิ่มข้อมูลใหม่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วย เพื่อข้อมูลจะได้มีความสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลานั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ในการผลิตเนื้อหาภาพ หรือเนื้อหาวิดีโอนั้นจะต้องใช้ทรัพยากรที่มีความละเอียดมากขึ้นและต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Rover เว็บไซต์ที่จะอัปเดตรายชื่อสุนัข 100 อันดับแรกในแต่ละปี

พวกเขาอัปเดตเนื้อหานี้ทุกปีในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา หมายความว่าทุกครั้งที่เกิดการอัปเดต พวกจะเขามีโอกาสอีกครั้งในการโปรโมตเนื้อหาเหล่านี้และดึงดูดการเข้าชมให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความนิยมให้แก่เว็บไซต์ เนื่องจากผู้ใช้จะคุ้นเคยกับการให้ข้อมูลของเว็บไซต์ในแต่ละปีมากขึ้นเรื่อยๆ
โปรดสังเกต URL ที่ Rover ได้เลือก

ในลิงก์นั้นไม่มีวันที่บอก ซึ่งหมายความว่าเมื่อถึงเวลาต้องอัปเดตข้อมูลสำหรับปีถัดไป พวกเขาสามารถอัปเดตหน้าที่มีอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องสร้างขึ้นใหม่ รวมถึงการแชร์ลิงก์ในอดีต และการจัดอันดับการค้นหาทั่วไปที่มีอยู่ในหน้าเดียว จะทำให้ง่ายต่อการสร้างความมั่นคงของเว็บไซต์เมื่อเวลาผ่านไป
Long-Form Content สามารถมีเรื่องราวเล็กๆ ที่มีหลายมุมได้
หากคุณกำลังทำงานในแบรนด์ หรือเอเจนซี่ที่มีทีมประชาสัมพันธ์ดิจิทัลภายในองค์กร พวกเขาจะรักคุณในเรื่องนี้
Long-Form Content จะช่วยให้คุณสามารถเห็นมุมมองและเรื่องราวต่างๆ ที่อาจใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการขายได้ โดย Rover เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้ เพราะภายใน Content หัวข้อเดียวมีหลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอเกมซึ่งมีอิทธิพลที่มีต่อชื่อสัตว์เลี้ยง:

ใน Content เดียวกัน มีอีกมุมหนึ่งที่เน้นชื่อสัตว์เลี้ยงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคนมีชื่อเสียง:

โดยมุมมองของฝ่าย PR จะมีความเห็นว่า สามารถโปรโมตเนื้องหาจาก Content นี้เพียงชิ้นเดียวได้ในหลากหลายช่องทาง การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายเว็บไซต์ได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของเนื้อหาได้ด้วย เพราะถ้าหากเกิดข้อผิดในพลาดด้านใดด้านหนึ่ง คุณยังสามารถใช้อีกหลายวิธีในการแก้ไขปัญหาแทนได้
วิธีการทำ Long-Form Content ให้สำเร็จ
เมื่อเราได้รู้ถึงความสำคัญของ Long-Form Content ที่มีต่อแบรนด์กันแล้ว ต่อไปเราจะมาพูดถึงส่วนสำคัญในการสร้าง Long-Form Content ที่คุณหรือทีมของคุณจำเป็นต้องทราบ
ตกลงหัวข้อหลักที่คุณต้องการเขียน
ในจุดเริ่มต้นคุณต้องรู้ก่อนว่า ต้องการเขียนเกี่ยวกับอะไร การออกนอกเส้นทางอาจเป็นเรื่องง่ายในขณะที่ทำการระดมความคิด และ การเชื่อมโยงระหว่างความคิดต่างๆไม่ใช่เรื่องแย่ แต่คุณต้องสามารถมุ่งเน้นไปที่หัวข้อที่ต้องการได้
1. คุณมีความน่าเชื่อถือที่จะพูดในเรื่องนั้นมากน้อยแค่ไหน
ความรู้ และประสบการณ์ของบริษัทคุณเป็นอย่างไร หัวข้อใดบ้างที่คุณสามารถพูดได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ หัวข้อที่ดูเหมือนจะอยู่ห่างและแตกต่างจากสิ่งที่แบรนด์ของคุณทำมากเกินไป หากมีคนดูหัวข้อของคุณแล้วถามว่า “ทำไมพวกเขาถึงพูดเรื่องนี้” แสดงว่าคุณอาจดูไม่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องนั้นมากพอ
2. หัวข้อใดจะโดนใจผู้ฟังของคุณ
นึกถึงหัวข้อที่ผู้ชมของคุณต้องการรู้ พวกเขามีปัญหาใดบ้างที่คุณสามารถช่วยให้ความรู้แก่พวกเขาได้ และนึกถึงสิ่งที่พวกเขาคาดหวังเมื่อได้เมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ
3. คุณต้องการเป็นที่รู้จักเพื่ออะไร
สุดท้ายนี้ แบรนด์ของคุณต้องการให้เป็นที่รู้จักในหัวข้อใดบ้าง นี่เป็นคำถามที่สำคัญเพราะคุณอาจมีหัวข้อที่ตรงใจผู้ฟังและน่าเชื่อถือที่จะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่? นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากหากบริษัทของคุณพยายามเปลี่ยนแนวทางของตนเอง เช่น การขยายไปสู่พื้นที่หรือผลิตภัณฑ์ใหม่
การดำเนินการที่ถูกต้องคืออะไร
อาจเป็นไปได้ว่า Long Form Content ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการดำเนินการตามแนวคิดของคุณ สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือ เริ่มกระบวนการโดยพูดว่า “ฉันต้องการสร้างบทความ 5,000 คำ” หรือ “ฉันต้องการผลิตวิดีโอ” เพราะคุณจะยัดเยียดรูปแบบความคิดนี้ลงไป ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่วิธีในการสื่อสารที่ดีที่สุดก็ตาม
วิธีที่ดีในการค้นหาว่า Long Form Content เป็นวิธีที่ดีที่สุดตามความคิดคุณหรือไม่ คือการเริ่มวางแผนโครงสร้างของงาน จะทําให้คุณได้เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าคุณต้องการจะพูดอะไร และ หากมันเติบโตอย่างรวดเร็วในประเด็นและแง่มุมต่างๆที่เข้ากับหัวข้อหลัก Long-Form Content ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการใช้งาน
นอกจากนี้ให้คุณสวมบทบาทเป็นผู้ชม และถามว่า Long Form Content เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังว่าจะพบหรือไม่ หากพวกเขาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อนี้ หรือพวกเขาคาดหวังบางอย่างที่สั้นและกระชับกว่า รวมถึงนี่เป็นหัวข้อที่ต้องการความละเอียดหรือไม่
ดูว่าตอนนี้มีข้อมูลอะไรอยู่แล้วบ้าง
จากจุดก่อนหน้านี้ คุณควรแน่ใจว่าได้ประเมินสิ่งที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ Google แสดงบนหน้าหนึ่งของผลลัพธ์ เพราะตัว Google นั้นจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผู้ใช้กำลังหาเป็นอย่างดี และจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้งาน
ในระหว่างการค้นคว้า ให้สังเกตว่า Google กำลังแสดงอะไรในหน้าแรก ซึ่งอาจเป็นผลรวมของอีคอมเมิร์ซ, Content แบบสั้น, Content แบบยาว, วิดีโอ, เอกสารการวิจัย, และอีกหลายๆอย่าง คุณควรถามตัวเองว่า Long Form Content มีแนวโน้มที่จะเข้ากับสิ่งที่มีอยู่แล้วหรือไม่
คุณยังสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เครื่องมือตัวช่วยอย่าง Thruuu ซึ่งสามารถใช้ Keyword และบอกคุณหลายอย่างเกี่ยวกับหน้าหนึ่งของผลการค้นหา รวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น

แม้ว่าคุณอาจไม่ต้องการรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แต่มันก็ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีเกี่ยวกับประเภทของหน้าเว็บไซต์ที่ Google ได้จัดอันดับสำหรับ Keyword นี้ไว้แล้ว นอกจากนี้ คุณควรประเมินด้วยว่า คุณสามารถผลิตเนื้อหา Content ที่อยู่นอกเหนือจากที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่ หากคุณพิจารณาถึงสิ่งที่มีอยู่แล้ว และรู้สึกว่าเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างดีสมบูรณ์ คุณควรมุ่งความสนใจไปที่พื้นที่อื่นหรือมองหาวิธีที่จะขยายหัวข้อเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้นแทน
ประเมินทรัพยากรของคุณ
การทำเนื้อหาประเภทนี้เป็นเรื่องที่ดี แต่คุณพร้อมที่จะทำหรือไม่ คุณมีนักเขียน Copywriters บรรณาธิการ หรือนักออกแบบที่มีทักษะที่สามารถนำไอเดียเหล่านี้มาทำให้เกิดขึ้นจริงได้ หรือคุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง
หากคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าจะเป็นจุดจบ แต่คุณอาจจะต้องมองหา Freelance หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เพื่อมาช่วยคุณแทน สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องรู้จักความสามารถของทีมของคุณ ไม่ต้องกลัวที่จะไปหาผู้เชี่ยวชาญมาทำให้ เพราะมันจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
สรุป
คุณค่าของ Long-Form Content นั้นสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ของคุณได้หลายวิธี ซึ่งบางอย่างที่คุณอาจจะเคยไม่เข้าใจ หวังว่าจะชัดเจนมากขึ้นสำหรับคุณในตอนนี้ โดยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากมัน และปรับปรุงผลงานของคุณให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ท้ายที่สุด มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพของแนวคิดไอเดีย และวิธีการดำเนินการของคุณ การดำเนินการที่น่าสนใจไม่สามารถช่วยไอเดียที่ไม่ดีได้ ในขณะเดียวกันไอเดียที่ดีแต่ไม่ได้รับความสนใจหรือไม่ได้มีการดำเนินการที่ดี ก็ไม่สามารถทำให้งานออกมาดีได้เช่นกัน ดังนั้นควรมุ่งเน้นไปทั้งสองด้านนี้แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้นมาก
Credit: Link