Local SEO คืออะไร เทคนิคที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกบน Google เร็วขึ้น

Local SEO เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับค้นหาบนหน้าเเรกของ Google ได้ ซึ่งเป็นการทำ SEO ที่เน้นไปทางด้านธุรกิจ การสร้างเว็บไซต์เฉพาะด้านสำหรับร้านค้า หรือธุรกิจท้องถิ่น โดยการใช้ Keyword เฉพาะให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ Local SEO มีประโยชน์ในในแง่ที่ว่าช่วยเพิ่มลูกค้าให้กับธุรกิจท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียงได้

สำหรับบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีจัดอันดับธุรกิจของคุณในการค้นหาบนหน้ากูเกิ้ล เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกิจของคุณได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

Local SEO คืออะไร

Local SEO คือ การทำ SEO บนเว็บไซต์ ด้วยคำค้นหาเฉพาะพื้นที่หรือท้องถิ่น ซึ่งช่วยผลักดันให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจเสิร์ชเจอได้ง่ายขึ้น เนื่องจากระบบการทำงานของเสิร์ชเอนจิ้น มักจะขึ้นผลลัพธ์การค้นหา โดยดูจากพื้นที่ใกล้เคียงของสินค้าและบริการก่อน ดังนั้นการทำ Local SEO จึงเน้นที่การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับผู้ใช้งานบน Google มากที่สุด

ทำไมต้องทำ Local SEO มีความสำคัญอย่างไร

Local SEO เป็นสิ่งที่ผู้ทำเว็บไซต์ทางด้านธุรกิจต้องทำความรู้จัก เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญที่คนส่วนใหญ่ใช้ค้นหาธุรกิจท้องถิ่น ร้านค้าเเละมองหาบริการของคุณในหน้ากูเกิ้ล ซึ่งความสำคัญของการทำ Local SEO มีดังนี้

  • ร้อยละ 30 ของการค้นหาบนมือถือทั้งหมด มักจะเกี่ยวข้องกับสถานที่
  • ร้อยละ 78 ของการค้นหา จะเป็นการค้นหาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวบนมือถือ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ร้าน โรงเเรม ธุรกิจ เเละการบริการต่าง ๆ ทำให้ผู้ค้นหาสามารถเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ง่าย
  • ร้อยละ 28 ของการค้นหาจากสถานที่ที่อยู่ใกล้ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการซื้อให้กับธุรกิจได้

ถ้าลูกค้าที่กำลังค้นหาธุรกิจ หรือร้านค้าของคุณ แล้วไม่พบข้อมูลต่าง ๆ บนหน้ากูเกิ้ล ก็เปรียบเสมือนคุณกำลังสูญเสียโอกาสที่จะได้รับเงินจากลูกค้านั่นเอง ดังนั้นการทำ Local SEO จึงมีความสำคัญมากในการทำธุรกิจ การบริการ หรือร้านค้าท้องถิ่น

Local SEO มีระบบการทำงานอย่างไร

การทำ Local SEO มี 2 แบบ คือ  (1) “Map Pack” เเละ  (2) “Blue Links” ซึ่งเป็นการค้นหาบน Google Map โดยจะเเสดงสถานที่ตั้งของร้านค้า ธุรกิจของคุณ  ขณะที่แบบ Blue Links จะแสดงผลการค้นหาแบบลิงค์ Organic สีฟ้า

  • Map pack results

คือ ผลลัพธ์การค้นหาบนกูเกิ้ล ที่ปรากฎอยู่ในรูปสถานที่และแผนที่ในการไปเยี่ยมชมที่แห่งนั้น และมักจะปรากฎอยู่ส่วนบนสุดของกูเกิ้ล

Map Pack เป็นคุณลักษณะของ Google SERP (Search Engine Results Page) ซึ่งก็คือผลการจัดอันดับการค้นหาที่เเสดงรายการของเว็บเพจ บนหน้ากูเกิ้ล โดยจะเเสดงผลตามอันดับ SEO ที่จัดโดยระบบอัลกอริทึมของกูเกิ้ลนั่นเอง ซึ่งการเเสดงรายชื่อสถานที่ธุรกิจ ร้านค้า รายละเอียดการให้บริการเเละเเผนที่

  • Organic Search Results

คือ ผลการค้นหาทั่วไป หรือ Google search โดยจะปรากฏลิงค์ทั้งหมด 10 ลิงค์ (Blue Links) ที่เป็นเว็บไซต์ติดอันดับและมีคุณภาพตามโครงสร้าง SEO ผลการค้นหาประเภทนี้จะปรากฎอยู่ใต้เเผนที่บนหน้ากูเกิ้ล

วิธีค้นหา Local SEO Keyword

การทำ Local SEO Keyword เป็นกระบวนการที่ต้องทำความเข้าใจว่า ผู้ใช้งาน ค้นหาบริการในพื้นที่ที่คุณต้องการนำเสนออย่างไร วิธีนี้จะทำช่วยคุณรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายพฤติกรรมการเสิร์ชหาบนกูเกิ้ลอย่างไร ซึ่งเทคนิคในการค้นหา Local SEO Keyword มีดังนี้

1. ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเเละบริการ

คีย์เวิร์ด ที่ควรเป็นคำเจาะจง เเละเฉพาะด้านเกี่ยวกับธุรกิจและบริการของคุณ เช่น หาเป็นบริการรับซ่อมท่อประปา Keyword ที่มักจะใช้ค้นหา จะเป็นคำว่า “ช่างประปา” ซึ่งเป็นคำที่กว้างมากเกินไป เเนะนำให้ใช้คำค้นหาที่เกี่วข้องกับบริการเฉพาะ เช่น “ ซ่อมท่อระบายน้ำ” หรือ “ซ่อมท่อระบายน้ำตัน” เป็นต้น

ในการหาไอเดียคีย์เวิร์ด แนะนำว่า คุณควรเริ่มต้นด้วยการระดมความคิด เเละระบุให้ชัดเจนว่า อะไรคือจุดเด่นของบริการ แล้วให้ใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจงกับการบริการมากขึ้น เพื่อค้นหาบริการบนกูเกิ้ลที่เจาะจงมากขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • การปลดบล็อคท่อระบายน้ำ
  • ซ่อมท่อระบายน้ำ
  • การติดตั้งท่อระบายน้ำ
  • บริการติดตั้งหม้อน้ำ
  • การติดตั้งหม้อน้ำ
  • ซ่อมหม้อน้ำ
  • ซ่อมท่อเเตก

หากต้องการที่จะขยายรายการของบริการนี้ สามารถใช้คำคีย์เวิร์ดของบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การค้นหาบริการที่กว้างยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น การตรวจสอบ Keyword โดยเครื่องมือ Ahrefs’ Keywords Explorer ซึ่งเป็นเครื่องมือสำรวจคำที่สามารถใช้งานได้ฟรี ตรวจสอบเเละรายงานคำค้นที่ตรงกัน คุณจะสามารถพบคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจ โดยการวิเคราะห์ Keyword ของระบบจะมีการเเสดงตัวเลข KD (Keyword Difficulty) ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าคำคีย์เวิร์ดนั้นมีความยากมากเเค่ไหน สำหรับการทำ SEO เเละยังสามารถบอกปริมาณการค้นหาของคำได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังเเนะนำ Keyword อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  หรือใกล้เคียงกับคำค้นหาที่คุณสนใจ เช่น

  • การติดตั้งหม้อต้มไอน้ำเเก๊ส
  • การติดตั้งหม้อไอน้ำเเบบรวม
  • การติดตั้งหม้อไอน้ำไฟฟ้า

หากคุณต้องการเสนอการบริการ จะต้องคำนึง เเละพิจารณากำหนด Keyword ให้ตรงกับจุดประสงค์ของการบริการ หรือธุรกิจของคุณ

การค้นหา Keyword ทำได้โดยเชื่อมโยงธุรกิจคู่เเข่ง ให้เข้ากับ Ahrefs’ Site Explorer ซึ่งเป็น รายงานแสดงข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณสนใจ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ของคุณเอง หรือเว็บไซต์ของคู่เเข่ง โดยมีการจัดกลุ่มเป็นหัวข้อต่าง ๆ เช่น กลุ่มรีพอร์ต Backlink Profile ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Backlinks ของเว็บไซต์ หรือกลุ่มรีพอร์ต Organic Search ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Organic Keyword เเละ Top pages ซึ่งมี Organic Traffic สูง

2. เช็กจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจ (Keyword Volume)

เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ Keyword ที่สามารถเเสดงปริมาณการค้นหาระดับประเทศ หรือสำหรับจังหวัด เมือง หรือสถานที่ใดที่หนึ่ง จะต้องใช้เครื่องมือ Google Keyword Planner ที่เป็นเครื่องมือค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้อง เเละเหมาะสมต่อธุรกิจของคุณ เจาะกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ช่วยสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในการธุรกิจนั้นๆ รวมทั้งช่วยลำดับการค้นหาในเว็บ Search Engine ให้สูงขึ้นได้อีกด้วย

Keyword Planner จะแสดงผลลัพธ์ 2 แบบ

  • แสดงช่วงปริมาณการค้นหาเเบบกว้างๆ ไม่เเน่นอน  (จำนวนคำค้นหาประมาณ 1K – 10K)
  • แสดงเป็นการจัดกลุ่มคำสำคัญ เเละเเสดงปริมาณค้นหาเเบบภาพรวม

การตรวจสอบความนิยมของคำ Keyword ในระดับประเทศ จึงมีเเนวโน้มเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาบนหน้ากูเกิ้ลให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถบอกได้ว่าคำ Keyword ไหนมีการค้นหามากกว่ากันในพื้นที่นั้น ๆ

เเต่หากใครที่ไม่ถนัดใช้ Keyword Planner สามารถใช้ฟังก์ชั่น Keywords Explorer ของปลั๊กอินฟรีอย่าง Ahref ได้

ตัวอย่างเช่น เครื่องมือนี้ช่วยบอกว่า มีคนค้นหาคำว่า “ซ่อมหม้อไอน้ำ” มากกว่า “การติดตั้งหม้อไอน้ำ”ในสหราชอาณาจักร

ดังนั้น วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการจัดลำดับความสำคัญของ Keyword ไม่ว่าคุณจะอยู่เมืองใดก็ตาม

3. เข้าใจสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกำลังค้นหาในพื้นที่ใกล้เคียง  (Search Local Intent)

Local SEO จึงเป็นการค้นหาความต้องการซื้อสินค้า หรือการบริการในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นหากต้องการตรวจสอบ Keyword สำหรับการค้นหาของ Local SEO จะต้องมีการตรวจสอบผลลัพธ์ผ่านกูเกิ้ล

หากการค้นหาปรากฎ Map pack หรือ Blue link ในการค้นหาบนหน้ากูเกิ้ล เเสดงว่าสินค้า การบริการ หรือธุรกิจของคุณ เป็นที่ต้องการของคนในพื้นที่ หรือบริเวณใกล้เคียงนั้นๆ

ถ้าหากไม่มีการปรากฎ Map pack หรือ Blue link เเสดงว่าสินค้า การบริการ หรือธุรกิจนั้น ๆ ไม่ได้เป็นที่ต้องการของคนในท้องถิ่น

คุณสามารถกำหนด Keyword ที่ไม่ได้เป็นความต้องการในระดับท้องถิ่นได้ เเต่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำ Local SEO

4.  ใส่ Keyword สำคัญบนหน้าเว็บไซต์

ถึงแม้จะมีการใส่คีย์เวิร์ดสำคัญบนเนื้อหาเว็บไซต์ แต่หน้าเว็บไซต์ที่ไม่ได้ถูกจัดอันดับบนกูเกิ้ล สิ่งหนึ่งที่คุณควรทำคือ การใส่คีย์เวิร์ดบนหน้าเว็บไซต์ธุรกิจหลายๆ หน้า ยกตัวอย่างเช่น การใส่คีย์เวิร์ดสำคัญใน URL ของหน้าเว็บไซต์ที่มีการระบุที่อยู่และสถานที่ (Location)

หากการจับคู่กับบริการที่แตกต่างกันมาก เช่น “การติดตั้งหม้อไอน้ำ” และ “การซ่อมแซมท่อระเบิด” เเนะนำว่ากำหนดให้แยกหน้าเพจออกจากกัน

หากเป็นการบริการเดียวกัน เช่น “ระบายท่อระบายน้ำ” และ “ระบายท่อน้ำอุดตัน” ให้กำหนดให้อยู่ในหน้าเดียวกัน

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการจัดอันดับ Local SEO

อย่างรู้กันดีว่า การทำ Local SEO มีอยู่ 2 แบบ คือ (1) “Map pack results” เเละ (2) “Organic search results หรือ Regular results”  โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Local SEO ทั้ง 2 แบบ มีดังนี้

1. Google Business Profile หรือ Google My Business

Google Business Profile  คือ ธุรกิจในท้องถิ่นที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ สถานที่ของธุรกิจ (Map pack) ซึ่งคุณสามารถทำเองได้ฟรีบนกูเกิ้ล โดยรายละเอียดที่อยู่เหล่านี้ จะปรากฎ อยู่บน Google Map

ข้อมูลการศึกษาของ Bright Local พบว่า 36% ของการทำ SEO ข้อมูลธุรกิจบน Google Business Profile เป็นปัจจัยในการจัดอันดับบนกูเกิ้ล โดยจะปรากฎในส่วนของ Map pack เเละอีก 6% ของการทำ SEO สำหรับปรากฎในส่วนของการจัดอันดับใน Regular results

Google Business Profile นับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญ เพื่อสร้างโอกาสในการจัดอันดับใน Map pack ให้สูงขึ้น

นอกจากการจัดอันดับแล้ว Google ยังระบุว่า 70% ของลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเยี่ยมชมธุรกิจบนเว็บไซต์ เพราะเว็บนั้นๆ ทำ  Business Profile และยังมีแนวโน้มที่จะพิจารณาซื้อจากข้อมูลเหล่านี้มากกว่า 50% นี่จึงเป็นเหตุสำคัญที่คุณควรทำ Google Business Profile  เพื่อทำให้เว็บไซต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้น

Google Business Profile ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง

  • ระบุหมวดหมู่ธุรกิจให้ชัดเจน
  • ระยะเวลาทำการ เปิด-ปิด ในเเต่ละวัน
  • สถานที่ตั้ง เเละพื้นที่ในการบริการ
  • ระบุผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือการบริการ
  • รูปภาพของผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือการบริการ
  • รีวิวจากลูกค้า

2. Nap Citation

NAP citation คือ การระบุชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของธุรกิจของคุณทางออนไลน์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ เว็บไซต์ธุรกิจ สามารถเสิร์ชเจอได้ง่ายขึ้น เพราะเว็บไซต์มีการให้ข้อมูลการติดต่อที่ชัดเจนบนโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ต่างๆ

การศึกษาของ BrightLocal ในปี 2021 พบว่า 7% ของคนทำ SEO มองว่า NAP citation เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ Page Ranking โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลต่อในเรื่อง Map Pack และ Regular Results

กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า  NAP citation เป็นปัจจัยหลักๆที่ส่งผลต่อ  Map pack และ Regular results อย่างไรก็ดี ในงานศึกษาปี 2014 พบว่า NAP citation  ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Map pack และ Regular results ลดลง

นอกจากนี้ การทำ  NAP citation ช่วยให้คนส่วนใหญ่เสิร์ชเว็บไซต์ธุรกิจของคุณเจอง่ายขึ้น เนื่องจาก เว็บไซต์ธุรกิจจะถูกจัดในสารบัญเว็บไซต์ (Web Directory) โดยจะแสดงผลในรูปแบบการค้นหาที่เป็น Local SEO (ผลลัพธ์การค้นหาจากพื้นที่ใกล้เคียง) ดังนั้น หากเว็บไซต์ของคุณอยู่ใน Web Directory กลุ่มเป้าหมายจะมีโอกาสคลิกเข้ามาเเละพบกับธุรกิจของคุณได้

Best Case Study

  • ควรลิสต์รายชื่อเว็บไซต์ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (ในสหรัฐอเมริกา ได้เเก่ Data Axle, Localeze และ Foursquare)
  • ส่งข้อมูลอ้างอิงไปยังผู้เล่นรายใหญ่รายอื่น (ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Apple Maps, Yelp, Yellow Pages, Bing Places และ Facebook)
  • ส่งข้อมูลอ้างอิงไปยัง Web Directory ยอดนิยมอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงหรือ Web Directory ที่อยู่อุตสาหกรรมธุรกิจเดียวกัน
  • จัดเก็บ NAP citation ให้มีความสอดคล้องกันในทุกพื้นที่ทั้งบนเว็บไซต์ หรือข้อมูลบนหน้ากูเกิ้ล (ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์)

Tips

ต่อไปนี้เป็นวิธีค้นหาสารบัญเว็บไซต์ของอุตสาหกรรมเเละธุรกิจระดับท้องถิ่นอย่างง่ายดาย

  • วางหน้าแรกของคุณลงใน Site Explorer
  • ไปที่ Link Intersect
  • เข้าสู่หน้าแรกของธุรกิจคู่แข่ง 2 – 3 แห่งในพื้นที่ของคุณ
  • ตั้งค่าโหมดการค้นหาเป็น “URL” สำหรับทุกเป้าหมาย
  • คลิก “แสดงโอกาสในการเชื่อมโยง”

เเละนี่เเสดงให้เห็นถึงไซต์ที่มีการเชิ่อมโยงกันระหว่างคู่แข่งของคุณในธุรกิจที่เหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน

หากเว็บไซต์เชื่อมโยงไปยังคู่แข่งหลายราย อาจเป็นสารบัญเว็บไซต์ ที่คุณสามารถเพิ่มรายชื่อได้

3. Reviews

รีวิว จะช่วยบ่งบอกถึงคุณภาพเเละความประทับใจของผู้ที่เคยมาใช้บริการในธุรกิจของคุณ โดยเฉพาะการรีวิวบน Google Business Profile  ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Local SEO มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

คำแนะนำสำหรับทำ SEO

การศึกษาของ BrightLocal ในปี 2021 พบว่า คอนเทนต์รีวิวส่งผลต่อการประสิทธิภาพการทำ SEO ถึง 17% ขณะที่ 15% ของคอนเทนต์รีวิว ส่งผลต่อการจัดอันดับบนกูเกิ้ล

อีกทั้งผลการศึกษาเมื่อ 2 – 3 ปีที่แล้ว ยังพบว่า คอนเทนต์รีวิว เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของ map pack การได้รับรีวิวใน Google Business Profile ของคุณ จะสร้างความไว้วางใจให้กับ Google และลูกค้าได้อีกด้วย

ตัวอย่างเคสการสร้างรีวิวที่ดี แนะนำให้ลองทำตามนี้ดู

  • แนะนำให้ลูกค้าเขียนรีวิว โดยสร้างเเละเเชร์ลิงค์รีวิวเพิ่มเติมจากกูเกิ้ล
  • ให้ความสำคัญกับการรีวิวบน Google Business Profile ของคุณ
  • ตอบกลับรีวิว เพื่อสร้างความไว้วางใจ
  • ห้ามเสนอ หรือรับเงินเพื่อแลกกับรีวิว ขัดต่อ Google’s Terms
  • ไม่ควรบล็อก หรือลบรีวิวที่ไม่ดีจากลูกค้า เพราะขัดต่อเงื่อนไขของ Google

4. Links

ลิงค์ ทำหน้าที่เหมือนกับตัวช่วยที่คอยโหวต ให้เว็บไซต์คิดอันดับบนกูเกิ้ลได้ง่ายๆ ซึ่งลิงค์นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ Local SEO โดยเฉพาะการจัดอันดับบน Google Search (regular organic search) และทำให้เว็บไซต์มี Traffic ที่สูงขึ้น

คำแนะนำสำหรับทำ SEO

การศึกษาของ BrightLocal เเสดงให้เห็นว่าการทำ SEO ด้วยลิงค์จะส่งผลต่อการจัดอันดับบนกูเกิ้ลได้ถึง 31% เเละอีก 13% จะส่งผลต่อการจัดอันดับใน Map pack

ในปี 2016 Google กล่าวว่า Backlinks เป็นปัจจัยสำคัญในสามอันดับเเรกของการจัดอันดับเว็บไซต์ นอกจากนี้การศึกษาจำนวนมากยังพบว่า Links เเละ Organic traffic มีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน โดยการเพิ่มลิงก์ จะเพิ่มโอกาสให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น

Links เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ Regulary search หรือ Organic search เเต่พบว่าไม่มีผลต่อการจัดอันดับของ Map pack

ตัวอย่างเคส เทคนิคสร้างลิงค์บนเว็บไซต์ ให้มีคุณภาพ

  • รับลิงค์จากเว็บที่เป็น Top-ranking
  • รับลิงค์ที่เว็บคู่เเข่งของคุณมี โดยใช้เครื่องมือ Link Intersect ของ Ahrefs ได้
  • รับลิงค์ที่เป็น Local Citations
  • เรียกคืนลิงค์ที่หายไปโดยเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์เพจเวอร์ชั่นเก่าของคุณเป็นเวอร์ชั่นใหม่

5. On-Page

On – Page SEO  คือ การปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์ เพื่อผลักดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูง ๆ บนกูเกิ้ลได้อย่างง่ายดาย 

คำแนะนำสำหรับทำ SEO

การศึกษาของ BrightLocal พบว่า 34% ของการทำ On – Page SEO เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับบนหน้าเว็บไซต์ของกูเกิ้ล และอีก 16% เชื่อว่า On – Page SEO ส่งผลต่อการจัดอันดับบน Map pack

On-page มีความสำคัญมากขึ้น สำหรับการทำ Local SEO ซึ่งสามารถดูได้จากการศึกษาครั้งก่อนของ BrightLocal

เทคนิคการปรับ On-Page SEO มีดังนี้

  • ปรับส่วนหัวข้อ ชื่อเว็บไซต์ โดยจะต้องมีความยาวที่เหมาะสม เเละมี Keyword อยู่ในหัวข้อ
  • ปรับ Description เนื้อหาภายในเว็บ ให้มีความยาวที่พอดี เเละต้องมีการใส่ Keyword ลงไปด้วย ในจำนวนคำที่เหมาะสม
  • ปรับ Content ให้ตรงความต้องการของผู้อ่าน โดยใช้หลัก SEO
  • จัดการ Broken Internal Link ในเว็บไซต์ หากมีลิงค์ที่เสีย ใช้งานไม่ได้ ต้องเเก้ไขให้กลับมาใช้งานได้ หรือลบทิ้งออกจากเว็บไซต์
  • ทำ Redirect เพื่อไม่ให้เว็บไซต์มีส่วนหน้าที่เสีย (404 page not found) มากเกินไป เพราะจะมีผลต่อการจัดอันดับ SEO
  • ใส่ Alt Image ซึ่งสามารถใส่ Keyword ลงไปในรูปได้ นอกจากนั้นไฟล์รูปที่ต้องการอัปโหลดลงบนเว็บไซต์ ควรจะตั้งชื่อให้ใกล้เคียงกับ Keyword หรือหัวข้อสำคัญบนเว็บไซต์
  • ใช้ URL ที่สื่อความหมายและเป็นมิตรกับ SEO โดยไม่ควรยาวเกินไป เเละควรใส่ Keyword ลงไปใน URL ด้วย
  • ปรับเเต่งหน้าเพจของคุณให้ตรงกับจุดประสงค์ในการค้นหา
  • รวบรวมข้อมูล NAP information บนเว็บไซต์ของคุณ
  • เขียน Meta titles เเละ Descriptions ให้น่าสนใจ
  • ใช้ SEO-friendly URLs ในการสื่อความหมาย
  • เพิ่มประสิทธิภาพของรูปในเว็บไซต์คุณ Optimize your images
  • Internal link เชื่อมโยงไปยังหน้าต่าง ๆ
  • รวบรวมรายละเอียดที่สำคัญสำหรับผู้ค้นหา

Tip

วิธีหนึ่งในการค้นหาเทคนิค On – Page SEO ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ แนะนำให้ตรวจสอบว่าหน้าเว็บที่มีการจัดอันดับสูงสุดในพื้นที่ของคุณพูดถึงเรื่องใด คุณสามารถทำได้โดยดูที่หน้าต่างๆ บนกูเกิ้ล หรือคุณสามารถใช้ Keywords Explorer เพื่อค้นหา Keyword ที่ติดอันดับบนหน้าค้นหาของกูเกิ้ล

วิธีการ

  • ป้อน service keyword เเละ location เช่น ซ่อมหม้อน้ำ ลอนดอน
  • ไปที่รายงานคำที่เกี่ยวข้อง  (Related terms report)
  • คลิกสลับระหว่าง “Also talk about” and “Top 10”

นี่คือ Keyword ที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ บนหน้ากูเกิ้ล สำหรับการบริการ “ซ่อมหม้อน้ำ ลอนดอน” ซึ่งจะมี Keyword ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • ระบบความปลอดภัย ของเเก๊ส – ผู้ค้นหาอาจต้องการวิศวกรที่อยู่ใน Gas Safe Register ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยของแก๊สอย่างเป็นทางการในสหราชอาณาจักร
  • มหานครลอนดอน – ผู้ค้นหาอาจต้องการทราบว่าธุรกิจให้บริการนี้ มีในพื้นที่ของตนหรือไม่
  • หม้อต้มเเก๊ส – ผู้ค้นหาอาจต้องการทราบว่าธุรกิจนี้ สามารถซ่อมหม้อต้มประเภทนี้ได้หรือไม่
  • การโทรฉุกเฉิน – ผู้ค้นหาอาจต้องการทราบว่าธุรกิจนี้ หรือการบริการนี้ มีการโทรฉุกเฉิน หรือไม่

ซึ่งคำเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ควรกล่าวถึงในเว็บไซต์ เเละการบริการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ค้นสามารถค้นพบธุรกิจของคุณบนหน้ากูเกิ้ลได้ง่ายมากขึ้น

เครื่องมือสำหรับทำ Local SEO

ต่อมาจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือสำคัญ ที่ใช้ในการทำ Local SEO ว่าจะมีเครื่องมือไหนบ้าง ที่สามารถใช้งานได้ฟรี เเละช่วยพัฒนาให้เว็บไซต์ตรงตามหลัก SEO เเละถูกจัดให้ติดอันดับบนหน้า Google

1. Google Business Manager

Google Business Manager หรือเดิมคือ Google My Business คือ เครื่องมือจัดการข้อมูลธุรกิจใน Google โดยให้ข้อมูลที่อยู่ รายละเอียดการให้บริการ สามารถสมัครใช้ฟรีและเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจในท้องถิ่นทุกคนควรใช้

2. Google Search Console

Google Search Console เป็นเครื่องมือฟรีสำหรับตรวจสอบประสิทธิภาพการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ โดยช่วยบอกจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) และคีย์เวิร์ดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

3. Ahrefs’s Rank Tracker

Ahref’s Rank Tracker เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณติดตามการจัดอันดับ Keyword ได้มากถึง 10,000 คำ สำหรับการค้นหาทั่วไปบนหน้า Google เป็นการจัดอันดับตามประเทศ รัฐ เมือง และแม้แต่รหัสไปรษณีย์

4. Grid My Business

Grid My Business แสดงตำแหน่งการจัดอันดับ Map Pack ที่สำหรับ Keyword ในพื้นที่ใกล้เคียงกับธุรกิจของคุณ Grid My Business สามารถใช้งานได้ฟรีและทำให้ผู้ใช้งานค้นหาธุรกิจที่อยู่ใกล้เคียงเจอได้ง่าย

5. Yext

Yext เป็นเครื่องมือสำหรับการซิงค์และจัดการข้อมูลรายละเอียดการให้บริการธุรกิจและที่อยู่ สถานที่ของธุรกิจบนช่องทางออนไลน์ โดยเชื่อมโยงการค้นหาหลากหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียงและคำค้นหา ทำให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ธุรกิจเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น

6. Google Keyword Planner

Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือในการหา Keyword ที่ใช้บริการได้ฟรี ช่วยประเมิน keyword ที่เหมาะสมต่อธุรกิจของคุณ มีประโยชน์ในการเช็กปริมาณคำค้นหาของคีย์เวิร์ดสำคัญ

สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อหมูนะคะ เราเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบงานเขียนมาก ๆ ค่ะ เพราะงานเขียนเปรียบเสมือนกับการสร้างโลกในจินตนาการของเราขึ้นมา โลกใบนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน เเละความรู้มากมายที่เราสามารถผจญภัยไปได้เเบบไม่มีลิมิต มาท่องโลกของตัวหนังสือไปพร้อมกันนะคะ