เทคนิคทำ SEO Blog การันตีเว็บไซต์อันดับพุ่งเเรง ติดอันดับบน Google

มาอัพเดตเทคนิคใหม่กับการทำ Blog SEO อย่างไรให้ดีมีคุณภาพ ช่วยดันเว็บไซต์ของคุณให้มีอันดับการค้นหาติดหน้าแรกบน Google ได้ โดยการศึกษาเทคนิคกระบวนการเขียน เเละปรับเเต่งเว็บไซต์ให้น่าติดตามตามหลักการ SEO ซึ่งต้อง มีวิธีทำอย่างไรบ้างมาติดตามกันได้เลย

Blog SEO คืออะไร

Blog SEO คือ กระบวนการเขียน เทคนิคการปรับเเต่งเนื้อหาภายในบล็อก ให้สามารถติดอันดับการค้นหาบนหน้า Google ได้ ซึ่งการทำ Blog SEO ให้ถูกตามหลักการจะต้องมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง Keyword, การเขียนคอนเทนต์, On-Page SEO และ Link building โดยเป็นสิ่งที่ต้องมีในบล็อกของคุณ

Blog SEO สำคัญอย่างไร

เเม้ว่าจะมีหลายวิธีการในการเพิ่มอัตราการเข้าชมบล็อก เเละเว็บไซต์ของคุณ เเต่การเข้าชมผ่านการค้นหาโดยกูเกิ้ล (Search Engines) จะมีความเสถียร เเละมีประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าคุณสามารถจัดอันดับการค้นหาตาม Keyword ที่ผู้คนกำลังสนใจ เเละรักษาอันดับไว้ได้ จะทำให้บล็อก หรือโพสต์ของคุณจะสามารถดึงดูดผู้เข้าชมในอัตราที่สม่ำเสมอจากการค้นหาบน Google ได้ 

การมีแหล่งที่มาของการเข้าชม (Traffic Sources) จำนวนมาก จะช่วยผลักดันให้อัตราการเข้าชมบล็อกของคุณนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เเต่หากไม่มีการวางระบบโครงสร้าง เเละองค์ประกอบของ SEO ที่ดี บล็อกหรือเว็บไซต์ของคุณก็จะมีอัตราการเข้าชมที่ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

วิธีเขียนบล็อกอย่างไรให้ถูกตามหลัก SEO

การเขียนบล็อกให้ถูกต้องตามหลักการ SEO มีขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  1. การค้นหา Keyword
  2. การตรวจสอบการค้นหายอดนิยม
  3. เลือกรูปเเบบการสร้างบล็อกให้ดี
  4. สร้าง outline ที่มีการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data-driven)
  5. เขียนโพสต์ 

มาติดตามกันเลยว่า ในเเต่ละขั้นตอนนั้น จะต้องทำอย่างไรบ้าง

1. การค้นหา Keyword 

บล็อกโพสต์ที่เขียน ควรจะต้องมีการปรับให้เหมาะสมในเรื่องของการใช้ Keyword ซึ่งควรเป็นคำที่นิยมสำหรับผู้ค้นหา ซึ่งจะส่งผลให้มีผู้เข้าชมบล็อกของคุณมากขึ้น 

การค้นหามักจะนิยมใช้ keyword research tool  ตัวอย่างเช่น Keywords Explorer ของ Ahrefs โดยการป้อนคำค้นหา หรือวลีสั้น ๆ ประมาณ 2-3 คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบล็อกลงไป จากนั้นตรวจสอบดู keyword ที่เกี่ยวข้อง เเละเหมาะสม (Phrase Match) สำหรับบล็อกของคุณ 

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีบล็อกที่เกี่ยวกับอาหาร คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับหัวจะมีดังนี้

  • เนื้อไก่
  • พาสต้า
  • สูตรอาหาร
  • สูตรอาหารเมนูเด็ด
  • ซี่โครง
  • สเต็ก

ซึ่งจะเป็นคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องนั่นเอง คำเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของคุณมากขึ้น

Keyword Explorer สามารถพบคีย์เวิร์ดได้มากกว่า 14 ล้านคำเลยทีเดียว ซึ่งจะมีทั้งเป็นคำเดียว ๆ เเละเป็นวลี โดยการเขียนบล็อกจะต้องเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และเหมาะสมสำหรับการเขียนคอนเทนต์ภายในบล็อก

ตัวอย่างเช่น หากเป็นบล็อกที่เกี่ยวกับอาหารก็ควรใช่้คีย์เวิร์ดเกี่ยวกับอาหาร เช่น “เเกงไก่ ทิกกา มาซาล่า” หรือค้นเป็นภาษาอังกฤษว่า “Chicken tikka masala” ไม่ใช่ค้นคำว่า “Chicken pox” ที่เเปลว่าโรคอีสุกอีใส

และหากบล็อกของคุณกำลังสร้างใหม่ จะต้องใช้เครื่องมือกรองความยากง่ายของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficult : KD) ซึ่งถ้าบล็อกพึ่งสร้างควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่ใช่คำยากมากนัก

2. การตรวจสอบการค้นหายอดนิยม 

การจัดอันดับบล็อกที่มีอันดับสูงสุดใน Google (Ranking high in Google) เกิดจากการวิเคราะห์ปริมาณการค้นหาที่สม่ำเสมอ หากผู้คนได้ค้นหาคีย์เวิร์ดที่ไม่ได้เกี่ยวกับบล็อกของคุณ จะส่งผลให้บล็อกจะไม่สามารถอยู่ในอันดับที่สูงๆ ได้ 

ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจว่าผู้ค้นหาส่วนใหญ่ กำลังสนใจเกี่ยวกับอะไร ซึ่งต้องประเมินความนิยมในการค้นหาของผู้คน

การตรวจสอบว่าคีย์เวิร์ดที่คุณมีในบล็อกนั้นเป็นที่นิยมหรือไม่ สามารถทำได้โดยการพิมพ์คีย์เวิร์ดลงบน Google เเละดูผลการค้นหา ซึ่งผลที่ปรากฏบนหน้ากูเกิ้ลจะเเสดงความนิยม ที่กำลังเป็นเทรนด์ในตอนนี้ จัดเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเช็คว่าคีย์เวิร์ดของคุณนั้นใช้ได้หรือไม่

ตัวอย่างเช่น บล็อกเกี่ยวกับอาหาร สามารถใช้คีย์เวิร์ด เช่น “เครื่องทำพาสต้า” ได้

เเละถ้าอยากรู้ว่าคีย์เวิร์ดนี้มีเเนวโน้มการค้นหามากน้อยเพียงใด สามารถดูได้จากการค้นหาบนหน้ากูเกิ้ล ซึ่งจะปรากฏบล็อกโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารขึ้นมาให้เยี่ยมชม หรือเป็นบล็อกที่เกี่ยวกับการรีวิวเครื่องทำพาสต้านั่นเอง

3. เลือกรูปเเบบการสร้างบล็อกให้ดี 

การค้นหาจากผู้คนไม่ได้เป็นเพียงเเค่การค้นหาทั่วไป โดยผู้ค้นหาส่วนใหญ่มักจะมองหาคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่มีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณต้องทำความเข้าใจว่า บล็อกจะต้องสร้างให้ตรงกับจุดประสงค์ของการค้นหา มีรูปเเบบที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดผู้เยี่ยมชม

การเลือกรูปเเบบบล็อกให้เหมาะสมที่สุด

บล็อกส่วนใหญ่จะมีรูปเเบบการเขียนตามรูปเเบบ ดังต่อไปนี้

  • การเเนะนำวิธีการต่าง ๆ (How-to guide)
  • การสอนเเบบทีละขั้นตอน (Step-by-step tutorial)
  • การเขียนเเบบรายการ (Listicle)
  • การเขียนเชิงเเสดงความคิดเห็น (Opinion piece)
  • การเขียนเชิงเปรียบเทียบ (Comparison)

การค้นหาจะเเสดงผลลัพธ์บล็อกที่เหมาะสมสำหรับคีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหา ต้วอย่างเช่น การค้นหาสำหรับไอเดียอาหารค่ำ จะเเสดงผลลัพธ์บล็อกที่มีรูปเเบบการเขียนเเบบรายการ

ผลลัพธ์การค้นหาคีย์เวิร์ด “ซี่โครง บนตะแกรง” จะเเสดงบล็อกที่มีการเขียนเชิงแนวทางปฏิบัติ แนะนำวิธีการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำซี่โครงบนตะแกรง

เเต่ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะปรากฏเนื้อหาบล็อกที่เกี่ยวกับการย่างซี่โครงบนตะแกรงเท่านั้น เเต่อาจจะเป็นบล็อกที่เกี่ยวข้องกับ “ซี่โครงเนื้อ” ได้

ในกรณีนี้ คุณจะต้องเลือกบล็อก หรือคอนเทนต์ที่ดีที่สุด สำหรับการค้นหา

  1. เข้าดูว่าเพจ หรือบล็อกที่อยู่ในอันดับต้น ๆ กำลังทำอะไร พูดถึงเรื่องอะไรอยู่
  2. มองหาบล็อกที่เหมือนกัน หรือคล้ายกันใน 2-3 อันดับแรก
  3. เดาให้ได้ว่าบล็อกเเบบไหนที่น่าสนใจ
  4. การเลือกมุมที่ชนะ

การมองหามุมที่ชนะ หรือจุดที่น่าสนใจของบล็อก เป็นเรื่องที่ทำได้ยากกว่าการสร้างรูปเเบบของบล็อกให้ดี โดยมุมที่ชนะของบล็อกนี้จะเป็นจุดขายหลักของเนื้อหาที่ช่วยให้บล็อกของคุณมีประสิทธิภาพ

การเลือกมุมที่ชนะ หรือจุดเด่นของบล็อกต้องทำอย่างไร ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือ Search Engine Results Page (SERPs) โดยเป็นผลการสืบค้น แสดงอันดับของ Search Engine ใน Google 

ตัวอย่างเช่น

การค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด “สเต็กปีกข้าง” จะพบผลลัพธ์การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสูตรอาหารอย่างชัดเจน เช่น การทำสเต็กจากซอสหมัก หรือเป็นการปรุงรสสเต็กด้วยเกลือและพริกไทย เเล้วย่างในกระทะ เป็นต้น

ต่อไปนี้จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการค้นหาทั่วไป ที่ควรต้องมองหาในการค้นบนหน้ากูเกิ้ล

  • ประสบการณ์ส่วนตัว (Personal experience) → 21 เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ดีที่สุดที่เราใช้ใน Ahrefs
  • ที่ดีที่สุด (Best) → 6 พอดแคสต์การตลาดที่ดีที่สุด
  • ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ (Expert commentary) → 33 คำแนะนำในการขจัดความยุ่งเหยิงที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ
  • สำหรับผู้เริ่มต้น (For beginners) → 17 เคล็ดลับการเขียนบล็อกสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ผลลัพธ์เฉพาะ (Specific outcome) → 12 เคล็ดลับ SEO เพื่อเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิก
  • การทดลอง และการทดสอบ (Tried and tested) → 26 ส่วนขยาย Chrome ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ SEO (ทดลองและทดสอบแล้ว)
  • ความสดใหม่ (Freshness) → การตลาดเนื้อหาที่มีการอัพเดตใหม่เสมอ

การค้นหาด้วยเครื่องมือ SERPs จะเป็นการค้นหาในมุมมองทั่วไป ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก 

4. สร้าง Outline ที่มีการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven)

การรวบรวมข้อมูลจะช่วยให้การเขียนบล็อกนั้นง่ายขึ้น ดังนั้น การสร้างบล็อก การเขียนโครงร่างจะต้องมีการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้คนกำลังใช้เครื่องมือค้รหากำลังมองหาอะไรอยู่

ซึ่งสามารถทำได้ 3 วิธีการ ดังนี้

  • มองหาหัวข้อย่อยทั่วไป 

หัวข้อย่อยมักจะมีความสอดคล้องกัน ซึ่งหากพบหัวข้อย่อยในโพสต์หรือบล็อกที่มีอันดับการค้นหาสูงสุด อาจแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ผู้คนสนใจ ต้องการทราบ

ตัวอย่างเช่น

บล็อกที่เขียนเกี่ยวกับ “แฟลงก์สเต็ก” ที่ติดอันดับสูงสุดสามอันดับ จะประกอบไปด้วยคำว่า “แฟลงก์สเต็กคืออะไร” ซึ่งจะเป็นหัวข้อย่อยที่พบมากที่สุดในบล็อกที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้

การรวบรวมข้อมูลที่มีส่วนคล้ายกันในเเต่ละบล็อก จะช่วยให้สามารถกำหนดคีย์เวิร์ดหลักได้

หากคุณต้องการเร่งกระบวนการดูหัวข้อย่อย คุณสามารถใช้รายงานเกี่ยวกับ SEO ด้วยเครื่องมือฟรีอย่าง Ahrefs SEO toolbar เพื่อดูหัวข้อย่อบทั้งหมดในโพสต์ หรือบล็อกนั้นๆ

  • มองหาคีย์หลักทั่วไป

หน้าเว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่ติดอันดับหน้าเเรกของ Google สำหรับคีย์เวิร์ดหนึ่งคำ สามารถถูกจัดอันดับให้ติดใน 10 จากมากกว่า 100 อันดับของคีย์เวิร์ดทั่วไปได้ โดยคีย์เวิร์ดเหล่านี้บางคำจะแสดงหัวข้อย่อยที่คุณอาจต้องการรวบรวมไว้ในบล็อกของคุณ

เเล้วคุณจะสามารถพบคีย์เวิร์ดเหล่านี้ได้อย่างไร

เพียงปลั๊กอินหน้าเว็บที่มีอันดับสูงสุดสองสามหน้าเว็บลงในเครื่องมือ  Content Gap Tool ของ Ahrefs เเละตั้งค่าให้เป็นโหมด URL จากนั้นให้เว้นช่องด้านล่างว่างไว้

เมื่อคลิกที่ “Show keywords” จะสามารถมองเห็นคีย์เวิร์ดทั้ง ที่ได้ทำการจัดอันดับไว้เเล้ว ซึ่งการใช้ตัวกรองคีย์เวิร์ดจะช่วยให้คุณมองเห็นคำค้นหาที่มีประสิทธิภาพสำหรับเว็บไซต์นั้นๆ 

คีย์เวิร์ดเหล่านี้ จะเป็นคำที่มีความเชื่อมโยงกับหัวข้อย่อย เช่น “สเต็กปีกข้าง คืออะไร”, “เนื้อสเต็กปีกหมัก” และ “ระยะเวลาในการย่างสเต็กปีกข้างนานเเค่ไหน” ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นคำ หรือวลีค้นหาที่มีความสัมพันธ์กับหัวข้อย่อย

  • ตรวจสอบ Keyword ที่มีการกล่าวถึงบ่อย ๆ 

สามารถตรวจสอบได้โดบการใช้เครื่อง Keyword Explorer ของ Ahrefs โดยใช้โหมด “Also talk about” เพื่อตรวจดูว่าคีย์เวิร์ดคำไหนที่ถูกกล่าวถึงบ่อยมากที่สุด 

เช่น ถ้าหัวข้อเกี่ยวกับ “สเต็ก” จะมีคียเวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เเละมีการค้นหาบ่อย ดังนี้

  1. ขลุกขลิก
  2. น้ำตาลทราย
  3. ไวน์เเดง
  4. ซีอิ๊ว
  5. น้ำมันมะกอก

โดยคำค้นหาเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าเป็นลักษณะเเละส่วนผสมในการทำสเต็กนั่นเอง

โดยจะเห็นได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นคำค้นหาที่ผู้คนกำลังสนใจในเรื่องเกี่ยวกับสเต็ก เเละมีการกล่าวถึงมากที่สุดบนเว็บไซต์ต่าง ๆ

5. ลงมือเขียนโพสต์

เริ่มเขียนโพสต์ตามโครงร่างที่วางไว้ได้เลย ซึ่งจะต้องเขียนเนื้อหาให้รื่นไหล เเละเป็นไปตามโครงร่าง หรือ Outline ที่วางไว้

วิธีเพิ่มประสิทธิของบล็อกด้วยการทำ SEO

หากคุณอยากให้บล็อกประสบความสำเร็จจะต้องสร้างบล็อกให้ตรงกับจุดประสงค์ของการค้นหา มองให้ออกว่าเทนต์การค้นหาปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องอะไร เเละซัพพอร์ตข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆลงในบล็อก เเต่ยังคงต้องมีการปรับเเต่งบล็อกอีกเล็กน้อยผ่านการทำ SEO เพิ่มเติม เพื่อให้บล็อก หรือเว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับที่ดีที่สุดในกูเกิ้ล

โดยการหลักการทำ SEO ที่ผลักให้บล็อกสามารถติดอันดับ 1 หน้ากูเกิ้ลได้ ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้

  • ชื่อเรื่อง หรือ Title จะต้องมีคียเ์วิร์ด
  • สร้าง Title tag ให้สั้น ไม่ควรยาวเกินไป
  • ใช้ URL ที่เหมาะสม เเละควรเป็น Evergreen URL หรือเรียกง่าย ๆ ว่าต้องมีความสดใหม่ มีคุณภาพตลอดเวลา
  • ต้องมี Meta เป็นองค์ประกอบ เขียนคำอธิบายในส่วน Meta ให้น่าสนใจ
  • เรื่องของภาพก็สำคัญ เลือกใช้ภาพที่เหมาะสม 
  • เพิ่มสารบัญตาราง
  • ต้องประกอบด้วย Linkable Snippets หรือลิงก์ข้อมูลที่เชื่อมโยงได้
  • ต้องเพิ่ม Schema markup
  • ต้องเพิ่ม Internal links 

1. ชื่อเรื่อง หรือ Title จะต้องมีคีย์เวิร์ด

การเขียนชื่อเรื่องหรือ Title ในส่วนของเนื้อหาของบล็อกนั้นจะอยู่ในส่วน H1 ซึ่งจะต้องมีคีย์เวิร์ดหลักในประโยค เพื่อทำให้การทำ SEO ที่สมบูรณ์สิ่งนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยคีย์เวิร์ดที่มีในชื่อเรื่องจะเป็นคำที่คนใช้ค้นหาข้อมูลใน google ดังนั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสให้มีผู้คนเข้ามาเจอบล็อกของคุณได้

เช่น เขียนเรื่องเกี่ยวกับการตลาด (Marketing) ดังนั้น ชื่อเรื่องที่ตั้งจะต้องมีคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับการตลาดเสริมเข้าไปด้วย ตัวอย่างดังรูปภาพ

2. สร้าง Title Tag ให้สั้น ไม่ควรยาวเกินไป

Title tag จะเป็นส่วนที่สามารถปรากฏในการค้นหา โดยจะเป็นเเท็กที่บอกชื่อเรื่องของเว็บไซต์ พบอยู่ในส่วน Head ของ HTML ซึ่งปรากฏอยู่ด้านบนของ Web browser และลิงค์บนหน้าผลการค้นหาใน Search Engine เเพลตฟอร์มส่วนใหญ่ อาทิ WordPress จะต้องมีการสร้าง title tag ขึ้นมา เพื่อเพิ่มอัตราการค้นหาของผู้คน เเต่หากถ้าเป็นคำที่ยาวเกินไป จะถูกตัดออกจากผลการค้นหา ดังนั้นควรตั้งเป็นคำสั้น ๆ เช่น

3. ใช้ URL ที่เหมาะสม เเละควรเป็น Evergreen URL

Evergreen URL คือ ตัวระบุที่อยู่ของข้อมูลต่าง ๆ บนโลกอินเตอร์เน็ต หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นที่อยู่ของเว็บไซต์นั่นเอง ซึ่งจะต้องมีการอัพเดตให้สดใหม่ ไม่ล้าหลัง ซึ่งโครงสร้างของ URL จะประกอบด้วย Protocol Identifier (Scheme) และ Resource Name (Authority)

ตัวอย่าง URL ที่ไม่ใช้เป็น Evergreen URL

จะเห็นได้ว่า ชื่อเว็บไซต์นี้บ่งบอกว่ามีการโพสต์ในปี 2021 เเต่ URL บอกว่าโพสต์ในปี 2017 ดังนั้น การตรวจจะสามารถทำได้โดยการก็อปปี้ URL ลงไปใน Content Explorer เเละจะพบว่าโพสต์นี้เผยเเพร่ครั้งเเรกในปี 2017 มีการอัพเดตในปี 2021 กรณีเเบบนี้จะทำให้ URL ล้าสมัย มีผลต่อการค้นหาบนหน้ากูเกิ้ล ดังนั้นต้องปรับให้ URL มีการอัปเดตใหม่ตลอดเวลา

4. ต้องมี Meta เป็นองค์ประกอบ เขียนคำอธิบายในส่วน Meta ให้น่าสนใจ

คำอธิบาย Meta Description เป็นส่วนที่จะเเสดงในหน้าการค้น ซึ่งจะอธิบายว่าบล็อกหรือเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร

ดังนั้น การสร้างคำอธิบายเมตาให้น่าสนใจ จะช่วยดึงดูดผู้ค้นเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของคุณมากขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการทำ SEO เเบบออร์เเกนิก เพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณได้อย่างเเน่นอน

การสร้าง Meta Description ให้น่าสนใจทำได้อย่างไร สิ่งสำคัญ คือ ต้องมองหาการสร้างคำอธิบายเมตาทั่วไป สำหรับเว็บไซต์ที่ติดอันดับหน้าเเรกบนกูเกิ้ล 

ตัวอย่างเช่น

การค้นหาทั้งหมดเกี่ยวกับ “ทาโก้สเต็ก” มักจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับการเลือกเนื้อสเต็กว่าส่วนไหน เป็นส่วนที่ดีที่สุด พูดง่าย ๆ ก็คือ จะเป็นการอธิบายขั้นตอนในการทำสเต็กนั่นเอง ซึ่งคำเหล่านี้ จะปรากฏเป็นตัวหนาในหน้าการค้นหาบนกูเกิ้ล เช่นคำว่า “สเต็กสันนอก” โดยคำพวกนี้ควรมีในเมตาของคุณ

5. เรื่องของภาพก็สำคัญ เลือกใช้ภาพที่เหมาะสม 

การเลือกใช้ภาพ ปรับภาพให้เหมาะสม จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของบล็อกได้ โดยรูปภาพจะเป็นสิ่งดึงดูดผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมภายในบล็อก 

ตัวอย่างเช่น

การรายงานเข้าชมบล็อกจากการค้นบน Google ด้วยรูปภาพ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

วิธีเพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพ มีดังนี้

  • ใช้ชื้อไฟล์ที่สื่อความหมายโดยตรง เช่น cute-puppy.jpg ไม่ควรใช้ IMG_95742.jpg 
  • เพิ่มข้อความเเสดงแทนคำอธิบายรูปภาพ ด้วยคำสั้น ๆ 
  • Compress file ของรูปภาพ ให้มีขนาดที่เหมาะสม

6. เพิ่มสารบัญตาราง (Table Content)

สารบัญตาราง จะเชื่อมโยงไปยั่งส่วนต่าง ๆ ในเนื้อหาของโพสต์ ช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถค้นพบข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายมากขึ้น

ในการทำสารบัญตาราง สามารถใช้ปลั๊กอินฟรีอย่าง Easy Table Of Content ได้เเละที่สำคัญสารบัญตารางยังช่วยในการเรียกไซต์ลิงก์จากการค้นหาบนหน้ากูเกิ้ล ส่งผลทำให้มีผู้คนคลิกเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกมาขึ้น

7. ต้องประกอบด้วย Linkable Snippets

Linkable Snippets คือ ข้อมูลที่ช่วยดึงดูดผู้คนให้เชื่อมโยงมายังบล็อกโพสต์ของคุณ โดยการได้รับลิงก์มากขึ้น จะช่วยให้เว็บไซต์หรือบล็อกของคุณสามารถถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของการค้นหาบนกูเกิ้ลได้ ในการตรวจสอบเว็บไซต์สามารถพบว่าเเบ็คลิงก์มีความสัมพันธ์กับอัตราการเข้าชมเว็บ ซึ่งถ้ามีเเบ็คลิงก์ที่ดีมาก การเข้าชมเว็บไซต์จากผู้คนก็จะเพิ่มขึ้น

เเต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า Linkable snippet อะไรที่เหมาะสำหรับกับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ดังนี้

  1. ทำการปลั๊กอินหน้าเว็บไซต์ที่มีการจัดอันดับสูงสุดเข้ากับ Site Explorer ของ Ahref
  2. จากนั้นไปที่ “Anchor report”
  3. สังเกต Anchor ทั่วไปที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

พูดง่าย ๆ ว่า Linkable Snippets จะช่วยให้การทำ SEO สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เเละจะเพิ่มอัตราการเชื่อมโยงของลิงก์จากเเหล่งอื่น ๆ มาที่เว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย

คุณสามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากขึ้น ให้เข้ามายังโพสต์ของคุณ ผ่านการคลิกลิงก์อื่น ๆ จากนอกเว็บไซต์

หากคุณต้องการได้รับเเบ็คลิงก์มากยิ่งขึ้น เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่เว็บไซต์ต้องเขียนโพสต์ที่มาในรูปเเบบของ SEO Copywriting โดยจะต้องประกอบไปด้วยการเขียนที่มีไอเดียเป็นเอกลักษณ์

8. เพิ่ม Schema Markup 

Schema Markup คือ Microdata ที่ต้องนำเข้ามาใส่ในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้กูเกิ้ลสามารถตรวจพบชุดข้อมูลที่มีประโยชน์ในเนื้อหาบล็อกที่เขียนขึ้นมา โดยเป็นโค้ดที่วางไว้บนเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่สนใจได้ง่ายมากขึ้น 

ตัวอย่างบล็อกโพสต์ที่มี Schema Markup เเละชุดข้อมูลที่สมบูรณ์ (Rich Snippets)

ตัวอย่าง Rich snippet ซึ่งจะเป็นรายละเอียดเว็บไซต์เเสดงอยู่ในหน้าการค้นหาบนกูเกิ้ล 

ต่อมานี้คือวิธีการเพิ่ม Schema Markup ในเว็บไซต์ของคุณ

9. เพิ่ม Internal links 

Internal links คือ ลิงก์ภายในเว็บไซต์ที่มีการเชื่มโยงไปยังหน้าเพจต่าง ๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นเทคนิคในการทำ Traffic ของเว็บไซต์ ทำให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้กูเกิ้ลมองว่าเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพ น่าสนใจมากยิ่งขึ้น วิธีการทำ Internal Links จะต้องใส่ลิงก์ลงในข้อความที่เป็นตัวอักษร เเละเมื่อคลิกตัวอักษรนั้น จะมีลิงก์เชื่อมไปยังอีกหน้าหนึ่ง หรืออีกเพจหนึ่ง เป็นต้น

วิธีปรับปรุงเเละรักษาอันดับบล็อกโพสต์ให้ติดหน้าเเรกได้

การสร้างบล็อก ไม่เพียงเเค่การเขียนเนื้อหาใหม่ เเละการเพิ่มประสิทธิภาพบล็อกด้วยการทำ SEO เท่านั้น เเต่ยังมีกลยุทธ์อื่น ๆ ที่ทำให้บล็อกของคุณติดอันดับหน้าเเรกได้ ดังนี้

  • อัพเดตโพสต์ของคุณเป็นประจำ
  • ปรับฟีเจอร์ Snippets ให้เหมาะสม
  • สร้าง Hubs content
  • สร้างลิงค์เพิ่มเติม

1. อัพเดตโพสต์ของคุณเป็นประจำ

จะต้องมีการอัพเดต เเละเผยแพร่โพสต์บล็อกอยู่อย่างสม่ำเสมอ เเละเผยเเพร่โพสต์ของตัวเองบ่อย ๆ เพื่อเป็นการโปรโมทเนื้อหา

ตามข้อมูลของ Content Explorer อย่างในเว็บบล็อก Ahrefs มีการเผยเเพร่โพสต์ซ้ำประมาณ ¼ ของโพสต์ที่มีอยู่

การจัดอันดับมักไม่คงที่อยู่ตลอดไป โพสต์สามารถกลายเป็นโพสต์เก่าเเละล้าหลังได้ ส่งผลทำให้การจัดอันดับลดต่ำลง

แก้ปัญหานี่ได้อย่างไร?

สามารถป้องกันไม่ให้อันดับถูกลดลั่นด้วยการอัพเดตเเละเผยเเพร่โพสต์ซ้ำ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีการเผยเเพร่เนื้อหา On-Page SEO ไปในปี 2016 เเต่ว่ายังไม่เคยได้รับการจัดอันดับ ปรากฏว่า เมื่อทำการเขียนโพสต์ใหม่ เเละเผยเเพร่ในปี 2018 โดยการใช้ URL เดียวกัน เป็นการเผยเเพร่ซ้ำ พบว่ามีการเข้าชมเพิ่มขึ้นเเละสม่ำเสมอ

2. ปรับฟีเจอร์ Snippets ให้เหมาะสม

Featured snippets  คือ ข้อมูลสั้น ๆ ที่ปรากฏด้านบนสุดของผลการค้นหา ซึ่งมักจะดึงมาจากหน้าใดหน้าหนึ่งใน 10 อันดับเเรกของบล็อกที่ติดอันดับ ผลการค้นหานี้จะขึ้นในหน้าการค้นหาบนกูเกิ้ล ซึ่งเเสดงคำตอบที่ผู้ค้นหาต้องการได้อย่างรวดเร็ว เเละไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่านในเว็บไซต์ก็สามารถทราบคำตอบได้

การเพิ่มประสิทธิภาพบล็อกโพสต์ สามารถทำได้โดย

  1. เชื่อมต่อบล็อกเข้ากับ Site Explorer 
  2. ไปที่ “Organic Keyword Report”
  3. คัดกรองคีย์เวิร์ดด้วยฟีเจอร์ Snippets ซึ่งต้องเป็นคำที่คุณยังไม่เคยถูกจัดอันดับ

3. สร้าง Hubs content 

Hubs content  เป็นรูปแบบของวีดีโอทั่วไป ที่นำเสนอให้กับผู้เข้าชมบล็อก เพื่อดึงดูดให้ผู้เข้าชมกลับมาเยี่ยมเว็บบล็อกอยู่บ่อย ๆ โดยคอนเทนต์รูปเเบบนี้จะประกอบด้วย

  • โพสต์เกี่ยวกับหัวข้อกว้าง ๆ เช่น โพสต์เเนะนำเว็บไซต์
  • โพสต์ย่อยเกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ หัวข้อย่อยในเว็บไซต์
  • Internal links ที่เชื่อมจาก hub page ไปยังโพสต์ต่าง ๆ ในเว็บไซต์

ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO หลายท่าน เชื่อว่าการสร้าง Hub content จะช่วยปรับปรุงบล็อกให้ Google มองเห็นว่าเว็บบล็อกนี้เป็นเเหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

4. สร้างลิงก์เพิ่มเติม

เนื่องจากเเบ็คลิงก์มีผลต่อการจัดอันดับ ดังนั้นการสร้างเว็บบล็อกจะต้องมีลิงก์ที่มีคุณภาพสูงเป็นองค์ประกอบ หากคุณอยากทราบว่าเว็บอื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับจะมีเเบ็คลิงก์จำนวนเท่าใด สามารถทำได้ ดังนี้

ตรวจสอบภาพรวมด้วยเครื่องมือ SERP ค้นหาคีย์หลักใน Keywords Explorer

จากนั้นคุณจะสามารถเจาะลึกลงไปในโปรไฟล์ลิงก์ เพื่อเข้าตรวจสอบคุณภาพของลิงก์ ของเว็บไซต์ที่ได้รับการจัดอันดับ

สรุป

การทำ SEO จะช่วยให้บล็อกเว็บของคุณติดอันดับบนหน้ากูเกิ้ลได้ไม่ยาก ซึ่งจะต้องมีการเพิ่มการทำ SEO จะช่วยให้บล็อกเว็บของคุณติดอันดับบนหน้ากูเกิ้ลได้ไม่ยาก ซึ่งจะต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพ อัพเดตบล็อก เเละเนื้อหาต่าง ๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้องใช้เวลาในการทำ เเต่เป็นเพียงเเค่วิธีเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ปริมาณการค้นหาของเว็บบล็อกเพิ่มขึ้น ได้อย่างสม่ำเสมอ 

สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อหมูนะคะ เราเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบงานเขียนมาก ๆ ค่ะ เพราะงานเขียนเปรียบเสมือนกับการสร้างโลกในจินตนาการของเราขึ้นมา โลกใบนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน เเละความรู้มากมายที่เราสามารถผจญภัยไปได้เเบบไม่มีลิมิต มาท่องโลกของตัวหนังสือไปพร้อมกันนะคะ