คุณรู้หรือไม่? เว็บไซต์ของคุณบางหน้าอาจจะไม่ได้รับลิงก์ย้อนกลับ หรือ Backlinks เลย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การสร้างลิงก์เป็นเรื่องที่ยากขึ้น เมื่อไม่มีลิงก์เหล่านี้จะส่งผลใม่มีการจัดอันดับ หรือลำดับเว็บไซต์ลดต่ำลงได้นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามยังมีบางหน้าเพจที่เราสามารถสร้างลิงก์เพิ่มเติบเข้าไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มคุณภาพและความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ ซึ่งหน้าเว็บประเภทนี้เรียกว่า “link bait” และยังรับลิงก์เชื่อมโยงจากแหล่งต่าง ๆ ได้มากกว่าหน้าเว็บประเภทอื่น ๆ
เพราะฉะนั้นการทำความรู้จักกับ link bait รวมถึงเรียนรู้วิธีการทำงานจะช่วยให้เราสามารถสร้าง “link magnets” หรือการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งได้มากขึ้น เพื่อให้เว็บไซต์สามารถรับลิงก์ได้ในอัตราที่สูงมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งเนื้อหาในบทความนี้ ทุกคนจะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายไปพร้อม ๆ กัน โดยมาเริ่มต้นที่เรื่องพื้นฐานที่ควรต้องทราบกันก่อนเลย
- Link bait คืออะไร
- จุดประสงค์ในการสร้าง link bait คืออะไร ใช้งานในด้านใด
- Link bait ทำงานอย่างไรในเว็บไซต์
- วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการสร้าง link bait
- มาดูตัวอย่าง link bait ที่น่าสนใจกันเถอะ
- ไอเดียสำหรับการค้นหาสุดยอด link bait ที่คุณควรทราบ
Link bait คืออะไร
หลาย ๆ คน อาจจะพึ่งเคยได้ยินคำนี้ แต่ไม่ทราบว่ามันคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อเว็บไซต์ ซึ่งวันนี้จะมาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า link bait เป็นเนื้อหาที่ออกมาแบบเพื่อดึงดูดลิงก์ย้อนกลับจากแหล่งที่น่าเชื่อถือต่าง ๆ ให้เข้ามาเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอัตราการเข้าชมสูง และยังทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์นี้มีความน่าเชื่อถือ และมีคุณภาพส่งผลต่อการจัดอันดับที่สูงขึ้นได้
จุดประสงค์ในการสร้าง link bait คืออะไร ใช้งานในด้านใด
สิ่งนี้จะช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่สูงขึ้นบน Google และจะทำให้ได้รับการเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากว่าลิงก์ย้อนกลับเป็นหนึ่งในสามปัจจัยที่ Google ใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับ หากหน้าเว็บไหนมีลิงก์มากกว่าจะมีแนวโน้มอันดับ และอัตราการเข้าชมสูงกว่า ซึ่งทางเราได้ศึกษาเว็บไซต์มามากกว่า 1,000 ล้านหน้า และได้ผลการศึกษา ดังนี้

หากคุณกำลังสร้าง link bait ที่เกี่ยวกับหัวข้อยอดนิยม ซึ่งมีผู้คนมากมายกำลังค้นหา ลิงก์นี้จะช่วยเชิญชวนให้มีการเข้าชมหน้าเพจมากขึ้น
นอกจากนั้นยังสามารถใช้ในการสร้าง “authority” บางส่วนที่ link bait ดึงดูดไปยังหน้าอื่น ๆ บนเว็บไซต์ของคุณโดยใช้ลิงก์ภายใน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเพิ่มอันดับของหน้าในการค้นหาทั่วไปได้

Link bait ทำงานอย่างไรในเว็บไซต์
ลิงก์เบทจะสร้างปัจจัยกระตุ้นการแบ่งปัน หรือ Share triggles ซึ่ง Prof. Jonah Berger ได้กล่าวในหนังสือ “Contagious” ของเขาเอาไว้ดังนี้
- Social currency – ผู้คนมักชอบแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ในสังคมออนไลน์ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของตนเองดูดีขึ้น
- Triggers – ส่วนใหญ่จะแชร์สิ่งที่สนใจเป็นส่วนมาก
- Emotion – อารมณ์เป็นตัวกระตุ้นในการแชร์สิ่งต่าง ๆ บนโลกออนไลน์
- Public – .มนุษย์ชอบที่จะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้อื่น พูดง่าย ๆ ว่าชอบทำตามเทรนด์โซเชียลนั่นเอง
- Practical value –. ผู้คนชื่นชอบที่จะแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกันและกัน
- Stories –. ผู้คนชอบแชร์สตอรี่ในแต่ละวันของตนเองลงบนโซเชียล
การทำงานของ link bait จะเชื่อมโยงตัวกระตุ้นที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้ผู้คนให้ความสนใจต่อเนื้อหาคอนเทนต์ภายในเว็บไซต์ของคุณ
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการสร้าง link bait
ต่อไปนี้จะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างลิงก์เบทที่มีประโยชน์ในการกระตุ้นการแชร์ ซึ่งจะมีวิธีการสร้างอย่างไรบ้างจะพาทุกคนมาเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลย
วิธีที่ 1 ต้องสร้างให้สามารถใช้งานได้จริง
คือ การสร้างสิ่งที่ผู้อ่านสามารถใช้งานได้จริง และใช้งานได้ทันที เช่น เครื่องมือ เครื่องคิดเลข เทมเพลต รายการตรวจสอบ และเอกสารสรุปข้อมูล เป็นตัว ยกตัวอย่าง ๆ เมื่อที่เว็บไซต์ Ahrefs ได้สร้างเครื่องมือฟรีจำนวนมาก เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ และใช้เครื่องมือเหล่านั้นฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

ซึ่งจะเห็นว่าภายในเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือฟรีให้ใช้งาน จะมี Backlinks จำนวนมากทีเชื่อมมายังเว็บไซต์

วิธีที่ 2 ทำให้ลิงก์เบทมีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
สิ่งที่จะเพิ่มคุณค่าให้ลิงก์เบท คือการทำให้ผู้อ่านได้มีไอเดีย หรือคืดอะไรใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งสามารถทำได้โดยการหาหัวข้อที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่น่ากล่าวถึง
ตัวอย่างเช่น การเผยแพร่ “rant” ที่เกี่ยวกับการเข้าถึงอีเมลที่ไม่ดีของ Tim Soulo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Ahrefs ซึ่งการเขียนของเขามาจากประสบการณ์ล้วน ๆ แต่ดันตรงใจผู้อ่าน ผลปรากฏว่ามีลิงก์ย้อนกลับมากกว่า 2,500 รายการ จาก 533 เว็บไซต์ ที่ได้กล่าวถึงบทความเรื่องนี้ของ Tim Soulo

วิธีที่ 3 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลิงก์เบทสามารถกระตุ้นอารมณ์ผู้อ่านได้
ขอยกตัวอย่าง Upworthy เว็บไซต์ที่มักจะแชร์เรื่องราวด้านบวก ที่อ่านแล้วรู้สึกดี ฮีลใจผู้อ่านได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้คนแบ่งปันเนื้อหาจากเว็บไซต์นี้กันอย่างต่อเนื่อง เพราะเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บไซต์นี้มีผลต่อารมณ์ผู้อ่าน กระตุ้นให้รู้สึกทึ่ง มีความสุข มองโลกในแง่ดีมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อหาที่กระตุ้นทางด้านอารมณ์นี้ใช้งานได้ดีมากกับลิงก์เบท

แต่อย่างไรก็ตามการเขียนใในเชิงคิดบวกเป็นเพียงแค่ไอเดียหนึ่งเท่านั้น ซึ่งยังสามารถใช้อารมณ์มากมายดึงดูดผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นความโกรธ ความตื่นเต้น ความโศกเศร้า และความสุข เป็นต้น ซึ่งหากคุณสามารถเพิ่มอารมณ์เหล่านี้ในลิงก์เบทได้ รับรองว่าปังอย่างแน่นอน
วิธีที่ 4 ทำให้สามารถมองเห็นได้
หากต้องการให้ผู้อื่นสามารถลิงก์มายังเนื้อหาได้ จะต้องมีทำตาม 4 ขั้นตอน ต่อไปนี้
- See – ลิงก์เกอร์หรือตัวเชื่อมโยงที่มีศักยภาพสูงเชื่อมมายังลิงก์เบทของคุณ
- Consume – มีการคลิกเข้าใช้งานจากผู้เยี่ยมชม
- Enjoy – เนื้อหาต้องสามารถสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกที่ได้อ่าน
- Link – ผู้คนได้รับการดึงดูดจากลิงก์เบทและสร้างความเชื่อมโยง
หากลิงก์เบทของคุณไม่ดึงดูดสายตาผู้คนขั้นตอนทั้งหมดนี้ก็จะไม่มีความหมายใด ๆ ซึ่งการเพิ่มความน่าสนใจสามารถใช้ภาพเป็นองค์ประกอบด้วย ยกตัวอย่างง่าย ๆ จากภาพด้านล่างนี้ ที่ได้เขียนเกี่ยวกับยี่ห้อเบียร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทุกประเทศ ซึ่งจริง ๆ แล้ว จะเขียนเป็นลิสต์รายการก็ได้ แต่มันไม่น่าสนใจ ดังนั้นจึงมีการใช้ภาพแผนที่โลก และโลโก้ยี่ห้อเบียร์แทน ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลที่มีความน่าสนใจมากกว่าการเขียนเป็นตัวหนังสือธรรมดา

ปรากฏว่าการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาพนี้ สามารถสร้างลิงก์ย้อนกลับเข้ามายังหน้าเว็บได้มากกว่า 533 รายการ จาก 179 เว็บไซต์เลยทีเดียว

วิธีที่ 5 ทำให้ลิงก์เบทมีความน่าสนใจ
เชื่อไหมว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจและนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือคอยเทนต์ข่าว ที่เขียนโดยนักข่าว หรือบล็อกเกอร์ ซึ่งพวกเขาเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญการเขียน และหาเรื่องราวที่น่าสนใจใหม่ ๆ มานำเสนออยูาตลอดเวลา เพื่อดึงดูดความสนใจผู้อ่าน
ตัวอย่างเช่น ข่าวที่ใหญ่ที่สุดในช่วงสองปีที่ผ่าน คือ ข่าวเรื่องโรคระบาดของโควิดไวรัสที่กระจายไปทั่วโลก และผลกระทบ การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นตามมาหลังมีการระบาดของโรค ในปี 2020 ทาง Nulab ได้จัดทำแบบสำรวจเกี่ยวกับการทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ หรือ Work from home และเผยแพร่ในโพสต์ของเขา ผลปรากฏว่าโพสต์นี้ได้รับลิงก์ย้อนกลับมากถึง 103 รายการ จากเว็บไซต์ที่ไม่ซ้ำกัน 80 เว็บไซต์

ไม่เพียงเท่านั้นกระแสตอบรับดีเกินคาด เพราะโพสต์นี้ได้รับลิงก์เชื่อมโยงจากสื่อใหญ่อย่าง Huffington Post, Yahoo, ZDNet, Refinery29 และอื่นๆ อีกมากมาย

ดังนั้นหากต้องการให้มีลิงก์ย้อนกลับในปริมาณมากจะต้องสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ตามกระแส ไม่น่าเบื่อ และคิดไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ
วิธีที่ 6 สร้างคอนเทนต์ให้มีสตอรี่ กระตุ้นการติดตามจากผู้อ่าน
ผู้คนส่วนใหญ่จะชอบอ่านหรือเสพเนื้อหาสื่อที่มีเรื่องราว เพราะเนื้อหาประเภทนี้จะกระตุ้นความสนใจ และเพิ่มการติดตามจากผู้อ่านได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างเช่นเรื่องราวด้านบนนี้ มีผู้ติดตามจำนวนมากมาย ทั้งยังได้รับลิงก์ย้อนกลับมากถึง 85 รายการ จากโดเมนอ้างอิงทั้งหมด 62 โดเมน

ซึ่งลิงก์ย้อนกลับที่ได้เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์นั้นจะเห็นได้ว่ามาจากสื่อใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Huffington Post, BuzzFeed, Slate และอีกมากมาย

การเล่าสตอรี่ที่ดี ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่บอกเลยว่าหากทำได้ กระแสตอบรับต้องดีอย่างแน่นอน คุ้มค่ากับการลงแรงลงทุนที่สุด
วิธีที่ 7 เชื่อมโยงสิ่งที่ผู้อื่นสนใจลงในคอนเทนต์
จะต้องสังเกตให้อย่างละเอียดว่าเว็บไซต์คู่แข่งที่กำลังนำเสนอเรื่องราวเดียวกับคุณนั้น นิยมเชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลใด แนะนำว่าให้คุณทำการเชื่อมโยงไปในที่เดียวกัน
ซึ่งคุณจะทราบได้อย่างไรว่าผู้คนกำลังสนใจหรือเชื่อมโยงไปที่ไหน สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
- ไปที่ Ahrefs’ Keywords Explorer
- ค้นหา Topic ที่คุณกำลังเขียนอยู่
- ดูภาพรวมของ SERP
- ค้นหาบทความที่คล้ายคลึงกัน
- คลิกที่ตัวเลขใน Backlinks column
- ข้ามคอลัมน์ Anchor และ URL เป้าหมายเพื่อดูสิ่งที่เหมือนกัน

วิธีนี้จะทำให้คอนเทนต์ของคุณน่าสนใจ และมีโอกาสที่จะได้รับลิงก์ย้อนกลับมากขึ้น
มาดูตัวอย่าง link bait ที่น่าสนใจกันเถอะ
ต่อมาจะยกตัวอย่าง link bait ทั้งหมด 7 ตัวอย่าง ซึ่งสามารถใช้ในการดึงดูด กระตุ้นการแชร์ และสร้างความสนใจจากผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ โดยจะมีตัวอย่างรูปแบบไหนบ้าง มาติดตามพร้อม ๆ กันเลย
ตัวอย่างที่ 1 บทความ “13 เหตุผลที่สมองของคุณโหยหาอินโฟกราฟิก”

เชื่อไหมว่าบทความที่มีกราฟฟิกสวยงามน่ามองนี้ ได้รับลิงก์ย้อนกลับเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์มากถึง 75,300 จากโดเมนอ้างอิงทั้งหมด 1,500 โดเมน เรียกได้ว่าสูงมากจริง ๆ

อย่างไรก็ตามการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ผู้คนไม่เคยเห็น ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อเว็บไซต์
ตัวอย่างที่ 2 บทความ “Inception Explained”

การสร้างในรูปแบบนี้ พบว่ามีลิงก์ย้อนกลับมากถึง 714 ลิงก์ ซึ่งมาจากโดเมนทั้งหมด 324 โดเมน ใช้ได้เลยทีเดียว

โดยผู้สร้างอย่าง Matt Dempsey ภูมิใจความสำเร็จในครั้งนี้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าบทความของเจาสร้างความน่าสนใจ และความพึงพอใจให้กับผู้อ่าน เขาบอกว่าได้ใช้เทคนิคใหม่อย่างการเลื่อนแบบพารัลแลกซ์ ในการสร้างเว็บเพจนี้ ซึ่งเป็นการออกแบบที่ดี และเรียนเนื้อหาลำดับเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม
ตัวอย่างที่ 3 บทความ “How a Car Engine Works”

บทความนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งมีลิงก์ย้อนกลับมาถึง 2,100 ลิงก์ ซึ่งมากจากโดเมนต่าง ๆ มากถึง 400 โดเมน โดยหมายความว่าบทความนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้อ่านที่สนใจเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องยนต์รถยนต์

ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องมีหลากหลายปัจจัย ที่ทำให้บทความเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเปฯความสดใหม่ของเนื้อหา รูปแบบการเขียนที่อ่านง่าย มีองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น รูปภาพ หรือวิดีโอให้ผู้อ่านได้รับชม การจัดเรียงลำดับเนื้อหาได้ดี และงานเขียนที่เป็นเรื่องแนวนี้จะต้องเน้นความเป็นจริง มีการอ้างอิงหลักการ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ตัวอย่างที่ 4 บทความ “90.63% of Content Gets No Traffic From Google. And How to Be in the Other 9.37%” จาก Ahrefs.com

สำหรับบทความนี้ในเว็บไซต์ Ahrefs.com เป็นบทความที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเว็บไซต์ การทำ SEO และการศึกษาอัตราเข้าชมเว็บไซต์จากกูเกิล พบว่าได้รับลิงก์ย้อนกลับมากถึง 6,600 ลิงก์ จากโดเมนอ้างอิงทั้งหมด 2,600 โดเมน ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำใ้ห้ Google มองเห็นว่าบทความนี้เป็นความที่ได้รับความนิยม และจะจัดอันดับให้อยู่ลำดับต้น ๆ ชองการค้นหา

การเขียนเนื้อหาที่อ้างอิงหรือมีข้อมูลการศึกษา และงานวิจัยเข้ามาเกี่ยวข้อจะช่วยให้เพิ่มโอกาสสำหรับการรับลิงก์ย้อนกลับได้
ตัวอย่างที่ 5 แบบทดสอบ “Why Do I Procrastinate?” ทำไมฉันถึงชอบผัดวันประกันพรุ่ง

แบบทดสอบอุปนิสัยนี้ได้รับลิงก์ย้อนกลับมากถึง 201 ลิงก์ ซึ่งมาจากโดเมนอ้างอิงทั้งหมด 52 โดเมน

คุณ Manasvini Krishna ผู้ก่อตั้ง Boss as a Service กล่าวว่า แบบทดสอบนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นเนื้อหาที่มีกลุ่มเป้าหมายกว้าง และเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน รวมทั้งยังเป็นแบบทดสอบเชิงโต้ตอบที่ออกแบบมาเพื่อระบุและแยกปัญหาได้ชัดเจน นอกจากนั้นยังมีการแนะนำแนวทางวิธีการแก้ไขที่สามารถนำไปใช้ได้จริงอีกด้วย
ตัวอย่างที่ 6 บทความและเครื่องมือประเมินการลงทุน “Investment calculator”

สำหรับบทความการลงทุน ที่มีเครื่องมือช่วยประเมินการลงทุนของผู้อ่านนี้ ได้รับลิงก์ย้อนกลับมากถึง 1,100 ลิงก์ ซึ่งมาจากโดเมนอ้างอิงมากถึง 306 โดเมน

ผุ้สร้างเว็บเพจนี้ Caleb Barclay ได้กล่าวถึงเหตุผลว่าทำไมถึงได้รับความนิยม เนื่องจากภายในเพจนี้ถูกสร้างให้มีความแตกต่าง พร้อมทั้งยังมีเครื่องมือฟรีให้ใช้งาน โดยที่ผู้ต้องการประเมินการลงทุนสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องสมัครอีเมลใด ๆ ทั้งยังเปิดหัวข้อที่มีคอนทราสต์สูง และยังเป็นบทความที่มีประโยชน์ สามารถแชร์เพื่อเป็นความรู้ได้ และสามารถใช้วางแผนในการลงทุนได้อีกด้วย
ตัวอย่างที่ 7 บทความให้ความรู้ด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตอย่าง “The 35 Best Countries to Raise a Family in 2020”

สำหรับบทความนี้ได้รับลิงก์ย้อนกลับ 529 ลิงก์ มาจากโดเมนอ้างอิง 273 โดเมน

ซึ่ง Asher Fergusson ผู้เขียนบทความนี้ ได้วิเคราะห์ว่าบทความได้รับความนิยมเนื่องจากหลายสาเหตุ เนื่องจากเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของผู้คน และยังเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจที่ชอบถกเถียงกันในโลกออนไลน์
ไอเดียสำหรับการค้นหาสุดยอด link bait ที่คุณควรทราบ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการค้นหาไอเดีย link bait ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด คือต้องมุ่งเน้นไปในสิ่งที่ผู้คนกำลังสนใจ และคู่แข่งของคุณก็ให้ความสำคัญเช่นกัน
โดยมีวิธีการค้นหาดังนี้
- ป้อนโดเมนของคู่แข่งของคุณลงใน Ahrefs’ Site Explorer
- ไปที่รายงาน “Best by links”

ตรวจเช็ครายการเพื่อดูว่ารูปแบบและหัวข้อประเภทใดที่ถูกใจผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลภายในบล็อกของคุณเอง

สรุป
Link bait มีความสำคัญมากสำหรับเว็บไซต์ นอกจากจะเป็นสิ่งที่สร้างเอกลักษณ์และดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์แล้ว ยังสามารถใช้ในการดึงดูดลิงก์ย้อนกลับได้เป็นอย่างดี ช่วยให้หัวข้อข่าว องค์ประกอบของบทความ รูปภาพต่าง ๆ ให้น่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางด้านการตลาด SEO ที่จะดันให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมมากขึ้น